สุรา กับ นารี
โกวเล้ง
( ๒๔๘๒ – ๒๕๒๘ ) มังกรเมรัย สุดยอดนักเขียนนิยายกำลังภายในระดับโลก ชาวไต้หวัน
ผู้ล่วงลับ ครั้งหนึ่ง เคยพร่ำพรรณนาบทกวีกล่าวถึง “ สุรา กับ นารี ”
เอาไว้ว่า .... !!!
นารี
... มีไว้ ... รัก
อารมณ์
... มีไว้ ... เหงา
สุรา
... มีไว้ .. เมา
ร่ายกลอนดื่มเหล้า...เถอะกวี
ใช่ครับ
!!!
อย่างที่ โกวเล้ง ว่าเอาไว้ " นารี มีไว้รัก และ สุรา
มีไว้เมา " ... !!!
๒ สิ่งนี้ มักจะอยู่คู่กันเสมอมา
เรียกได้ว่า ที่ใดมีสุราที่นั่นจะมีนารี และที่ใดมีนารีก็ย่อมแน่นอนว่า ณ.
ที่แห่งนั้นย่อมที่จะต้องมีสุรา !!!
แต่ผม ... ไม่เอกอุเช่น ... มังกรเมรัย " โกวเล้ง "
ดั้งนั้น บ่อยครั้งหรือแทบจะทุกครั้ง ทีเดียว ... ที่รอบกาย ผม มีเพียงแค่ สุรา แต่ หามี นารี ไม่ !?!
นารี
... มีมากมาย หลากหน้าหลายตา หลายหลากรูปทรง และ
หลากหลายคุณสมบัติ
สุรา
... หลากดีกรี หลายยี่ห้อ และ หลากหลายรสชาติ
เอาล่ะครับ เมื่อมี สุรา ... หลายหลาก และ มีหลากหลาย ... นารี
ถ้าอย่างนั้น
... เราลองมาเปรียบเทียบ นารี แต่ละประเภท กับ สุรา แต่ละชนิด
กันดีกว่าว่า ... มันจะเป็นเช่นใด ?
นารี
:
ขาวสวยหมวยเอ็กซ์ = สุรา :
วอดก้า
ใสสะอาด
บริสุทธิ์ แต่ร้อนแรงเหลือคณานับ หากได้ลองสักครั้งจะติดใจจนไม่อาจ ... ลืมเลือน !!!
นารี
: สาวแว่น เรียบร้อย สไตล์หวาน =
สุรา : กระแช่
หอมหวาน
รสนุ่มละมุน น่าลิ้มลอง แต่กลับซ่อนเร้นความหนักแน่นดีกรีร้นแรง เอาไว้ในส่วนลึก
หากไม่ระวังอาจจะ ... เมาไม่รู้เรื่องเหมือนกัน !!!
นารี
:
สาวลายพราง = สุรา : ยาดอง
ซ่อนความร้อนแรงของสุราไว้ในรสชาติสมุนไพร
หวานนุ่มลิ้นแต่ ... ร้อนแรง !!!
นารี
:
สาวแก่น แสนซน = สุรา : เหล้าปั่น
เปรี้ยวซ่านระคนหวานละมุน
แม้มีแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอให้ชื่นชม ... มิรู้ลืม
!!!
นารี : สาวผิวสีน้ำผึ้ง สวยเข้มข้น = สุรา : แสงโสม
รสนุ่มนวล
แต่ซ่อนความรุนแรงเอาไว้ แต่ สีอำพัน อันงดงามทำให้ราตรีนี้ ... ไม่เงียบงัน !!!
นารี
:
สาวขี้อ้อน = สุรา : เหล้ามิกซ์
สุรามากไป
... รุนแรง น้ำมากไป ... เจือจาง ผสมให้พอดียากยิ่งนัก แต่หากผสมได้พอเหมาะรสชาดจะน่าหลงใหล
... ไม่น่าเบื่อ !!!
นารี
:
เด็กม.ต้น = สุรา : เหล้ากำลังบ่ม
คาดเดาได้ยากหน่อย
... คงต้องลุ้นต่อว่าในอนาคตว่า
รสชาดของมันจะหอมหวานหรือเพียงแตะลิ้นก็แทบจะ ... อาเจียน
!!!
นารี
:
เด็กม.ปลาย = เหล้า : ค็อกเทล
กว่าคุณจะได้ดื่ม
ต้องอดทนและใช้เวลา เขย่า ให้เข้ากัน แต่รับรองว่า พอได้ดื่ม แม้รสชาดจะเบาบางแต่หอมหวาน ... เกินห้ามใจ !!!
นารี
:
สาวออฟฟิศ = สุรา : Red Label
หาไม่ยาก
ผ่านกาลเวลาหมักบ่มประสบการณ์มามากพอควร รสชาดไม่รุนแรงแต่ไม่เบาบาง ซึ่งแค่นี้ก็คงพอ สำหรับชื่นชมราตรี ... อันสวยงาม !!!
นารี : สาวรักสนุก = สุรา : เหล้าเถื่อน
ร้อนแรง
วูบวาบจนหยดสุดท้าย แต่ไม่ได้มาตรฐานหากผิดพลาด อาจได้รับสารแปลกปลอมทำให้เสียสุขภาพได้ในเวลา
... ไม่นานนัก !!!
นารี
:
สาวเก่ง = สุรา : Gold Label
ดีที่สุด
รสละมุน กลมกล่อมเป็นที่สุด แต่ ... แพงที่สุด
แต่ เหล่าบุรุษชาติอาชาไนย เลยมักที่จะมองข้ามเธอ เพราะ ... เจ้าหล่อน Perfect
เกิน !!!
นารี
:
สาวรักจริง = สุรา : สาเก
จืดชืด
ไร้อารมณ์ยามเมื่ออยู่คนเดียว ...โดดเดี่ยว
เหมือนเมื่อขาดสาเกญี่ปุ่นก็ไร้ซึ่ง ... คุณค่า ของสองสิ่งนี้ต้องคู่กันตลอดไป
!!!
นารี
:
สาวขายบริการ = สุรา : สาโท
อาจจะดี
หรือ ไม่ดี คละเคล้ากัน หอมหวานกลิ่นละไมเหมือนกัน แต่ถ้าเลือกไม่ดีก้อเล่นเอา ... เสียอารมณ์ได้เหมือนกัน !!!
นารี
:
สาวซิง = สุรา : ไวน์ฝรั่งเศส
ราคาแพงระยับ
แสวงหายากลำบาก สักครั้งในชีวิตก้ออยากลอง เพราะใหม่ไม่คุ้นลิ้น รสชาดของมันอาจจะฝังลึก
จนคุณอยากได้ลิ้มลอง ... ครั้งต่อไป !!!
นารี
:
สาวไม่ซิง = สุรา : เหล้าขาว
สีที่ขาวสะอาด
อาจจะล่อหลอกว่า ยอดสุรา แต่หากได้ลิ้มลองก็จะรู้ว่าหาใช่สุราชั้นเลิศอันใดไม่ แต่สีดำพันที่ซ่อนอยู่ก็เร้าใจจนมิอาจจะ
... ลืมเลือน !!!
เรื่องเล่าจากวันวารตอน ดินสอ
เมื่อประมาณ
๔๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา บาทหลวงชาวสวิสเซอร์แลนด์ ประดิษฐ์ ดินสอ ที่ทำจาก
ขนนก ขึ้นเป็นครั้งแรก แต่มีต้นทุนสูงและไส้ดินสอมีความเปราะเกินกว่าจะใช้ในงานเขียนปกติได้
ต่อมาในปี
ค.ศ. ๑๕๖๔ วันหนึ่งเกิดพายุใหญ่ในทุ่งเลี้ยงแกะใกล้กับ
หมู่บ้านบอร์โรว์เดล ตำบลคัมเบอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ
ต้นไม้ใหญ่ถูกพายุพัดถอนรากถอนโคนเป็นจำนวนมาก หลังจากพายุสงบลงชาวบ้านพบ หินสีดำ
อยู่ใต้ดิน ณ บริเวณรากต้นไม้ล้ม เมื่อทดลองนำมาเขียนปรากฏว่าคมชัดมาก
คนเลี้ยงแกะจึงนำมาเขียนสัญลักษณ์ลงบนตัวแกะ
หินสีดำ ที่ถูกค้นพบคือ แกรไฟต์
ต่อมา
มีผู้นำเอาหินสีดำนี้มาทำเป็นแท่งและนำไปขายโดยโฆษณาว่าเป็น หินสี สามารถนำไปเขียนบนสิ่งใดก็ติดทั้งนั้น บรรดา พ่อค้า
นิยมนำไปเขียนตราสัญลักษณ์และทำเครื่องหมายบนสินค้าหรือหีบห่อที่บรรจุ เพื่อบอกชนิด
จำนวน และราคาสินค้า
ต่อมา
พระเจ้าจอร์จที่ ๒ ยึดเหมืองแร่แกรไฟต์แห่งบอร์โรว์เดลให้เป็นของรัฐ และเข้าไปดำเนินการขุดและผลิตแท่งแกรไฟต์แบบผูกขาด
และเปิดเหมือง ๒-๓ เดือนต่อปี เพื่อสงวนทรัพยากรธรรมชาติและลดต้นทุนในการผลิต
ขณะหยุดดำเนินการจะห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามาภายในเหมืองแร่อย่างเด็ดขาด
ครั้งแรกที่ผลิตแท่งแกรไฟต์ออกจำหน่ายนั้นมีข้อบกพร่อง
คือ เวลาเขียนจะมี ผงสีดำ สกปรกติดมือ และเปราะ แตกหักง่าย
ในปี
ค.ศ. ๑๖๘๓ เจ เพตตุ นำเอากิ่งไม้มาผ่าครึ่งตามยาวแล้วสอดแท่งแกรไฟต์ไว้ตรงกลางตลอกแท่ง
จากนั้นก็นำไม้อีกด้านมาประกบติด แล้วหาโลหะมาปิดท้ายดินสอให้แท่งแกรไฟต์ไม่เลื่อนไปมาเวลาเขียน
ในปี
ค.ศ.๑๗๖๑ คาสปาร์ เปเปอร์ อดีตนักเคมี ชาวบาวาเรีย นำแท่งแกรไฟต์ไปบดละเอียดผสมด้วย
กำมะถัน
พลวง และยางสน จากนั้นนำใส่ในพิมพ์ทำเป็นแท่ง เพื่อลดผงสีดำ และทำให้แท่งแกรไฟต์
แข็งแกร่งขึ้น
ทำให้เกิดความสะดวกมากขึ้นในการเขียน
ปี
ค.ศ. ๑๗๙๕ พระเจ้านโปเลียนที่ ๑ มีรับสั่งให้ นิโคลาส แจ๊ค ดังเต้ หัวหน้านักเคมีและนักประดิษฐ์
นำแกรไฟต์ที่สามารถหาได้ทั้งหมดในฝรั่งเศสมาทำเป็น ดินสอ
ต่อมา
เกิดความขาดแคลนแกรไฟต์ นิโคลาส
จึงนำเอาแท่งแกรไฟต์มาบดเป็นผงแล้วผสมเข้ากับ ดินเหนียว แล้วเข้าเตาเผา
จนกลายเป็น ต้นตำรับ ของการทำ ดินสอ คือ เนื้อเหนียวขึ้น
ไม่หักเปราะง่าย
ปี
ค.ศ. ๑๘๔๘ อีเบอร์อาร์ด ฟาเบอร์ ได้ก่อสร้าง โรงงานผลิตดินสอ ขึ้นที่สหรัฐอเมริกา
นับเป็น โรงงานดินสอ แห่งแรกของโลก โดยในยุคแรกนั้น ดินสอ จะผลิตออกมาเป็น แท่งสี่เหลี่ยม
จนกระทั่งในปี
ค.ศ. ๑๘๗๖ โจเซฟ ดิกสัน ชาวอเมริกันได้นำแท่งดินสอมากลึงเป็นแท่งกลมอย่างในปัจจุบัน
ปิดท้ายวันนี้ ด้วย ... ทุภาษิต ที่ว่า
" ดินสอ เขียนผิดแล้วลบได้ด้วย ยางลบ ... แต่ ทางเดิน หากเลือกผิดก็ไม่มีทาง ลบความผิด ได้ "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น