ปัญหากวน ๆ ... ชวนฉงน
หลาย
ๆ ครั้ง หรืออาจจะ บ่อยครั้ง ที่ผมมักจะโดนเพื่อนตั้งถาม
คำถามกวน ๆ (ชวนฉงน) ... เพื่อ ทดสอบสมอง เมื่อเวลาที่พวกเรา พบปะสังสรรค์
หรือ แวะทักทาย กันตามประสา ... เพื่อนฝูง ยุงกัด !!!
คำถามกวน
ๆ (ชวนฉงน) ที่ผมว่า ... ส่วนมากก็มักจะเป็น ปัญหาเชาว์ ที่พอพวกมัน เฉลยคำตอบ ออกมาแล้ว ...
ผมแทบอยากจะเอารองเท้าเบอร์ ๔๒ กระแทกหน้า (พวกมัน) ... สักกาที !!!
(แต่พวกมันดันวิ่งหนีไปเสียก่อน)
และเพื่อเป็น
สักขีพยาน ให้กับผม เวลาที่พวกมันเหล่านั้น ... ถูก ผมประทุษร้าย !!!
ผมเลยเก็บเอา
คำถามกวน ๆ (ชวนฉงน) เหล่านั้น ...
มาทายคุณ
ลองตอบดูนะครับ
ว่าจะตรงกับ คำเฉลย ที่ผมให้ไว้หรือไม่ ?
(อย่าแอบอ่านคำเฉลยก่อนนะครับ)
๑.
มดอะไร ? ตกน้ำ แล้วไม่ลอย : มดดํา (น้ำ)
๒.
ถ้าเจอ เหรียญบาท จะทํายังไง ? : ปิดพลาสเตอร์ (ถ้าลึกมากก็ไปหาหมอ)
๓.
ถ้าโดนขวาน จาม ใส่หน้าล่ะ : กินยาแก้หวัด
(กันไว้ดีกว่าแก้)
๔.
ผีตัวไหน ? ทําให้ เด็กหยุดร้องไห้ : ผีป(ล)อบ
๕.
กระดาษอะไร ? ที่ เราใช้ไม่ได้ : กระดาษซับหน้ามัน (ไม่ได้ซับหน้าตรู)
๖.
ประเทศอะไร ? ที่ ไม่ใช้เงินสด : ประเทศสาธารณเชค (เซ็นทั้งวัน)
๗.
ทําไม ? โจร ไม่ชอบ ส่งจดหมาย : เพราะมีจ่า (สิบตรี) หน้าซอง
๘.
คนประเทศอะไร ? รวยที่สุดในโลก : ชาวไอริช ( I rich )
๙.
สตาร์วอร์ ภาคไหน ? ที่ดูรู้เรื่องที่สุด : พากย์ (ภาษา)ไทย
๑๐.
ตอนกลางวัน พระจันทร์ ไปไหน ? : ฉันเพล (ที่กุฏิ)
๑๑.
เวลาเพล วัดควร เปิดเพลง อะไร ? : อย่าลืมฉัน (เดี๋ยว
... พระหิว)
๑๒.
ปลาอะไร ? ไม่มีสัมมาคาราวะ : ปลาตาย (มันไม่ ว่าย (ไหว้) น้ำ )
๑๓.
ใคร ? เป็นคนขายบรีส : เอ็กซ์ (บรีสเอ็กซ์เซลล์)
๑๔.
ทําอย่างไร ? ถึงจะได้เป็นครู : ทําความผิด (เพราะผิดเป็นครู)
๑๕.
อะไร ? อยู่ไต้กระดาษ : ซาลาเปาคว่ำ (...!?!...)
๑๖.
กะเทย กลัว อะไร ? : กระทิงแดง (เพราะดื่มแล้วเป็นลูกผู้ชายตัวจริง)
๑๗.
ประเทศใด ? มี ผู้หญิงโสด มากที่สุด : อีกัวดอร์ (...!?!...)
๑๘.
สะพานกรุงเทพ ฯ มี น็อต กี่ตัว ? : ๒ ตัว (ตัวผู้กับตัวเมีย)
๑๙.
งู ตก ถังขยะ มันจะฉกอะไร ? : ฉก กา ปก (สกปรก)
๒๐.
ปลาอะไร ? ขี้เกียจที่สุด : ปลาวาฬ
(วานให้คนอื่นทำเรื่อย ไม่ทำเอง)
๒๑.
ปลาอะไร ? คุมทะเล : ปลาเก๋า (เออ !
เอ็งเก่ง)
๒๒.
มดอะไร ? ว่ายน้ำได้ : มดเสือกอยากเป็นปลา (...!?!...)
๒๓.
ครูอะไร ? ทั้งชีวิตมี ปากกาด้ามเดียว : ครูวันเพ็ญ (One
pen)
๒๔.ระฆัง
ประเทศไหน ? ดีที่สุด : เบลเยี่ยม (Bell)
๒๕.โรคอะไร
? ราคาถูกที่สุด : โรคระบาด (โอโห...ถูกจริง)
๒๖.
สโนว์ไวท์ ทำไม ? ไม่มีขี้มูก : เพราะมีคนแคะ (คนแคระทั้ง
๗)
๒๗.
ทำไม ? ซาลาเปา ถึงอาย : โดน ขนมจีบ (อยู่ข้าง ๆ)
๒๘.
แล้ว ทำไม ? ขนมจีบซาลาเปา : ซาลาเปาทั้งขาวทั้งอวบ
(X จัง)
๒๙.
ปา อะไร ? โดนแล้ว ... เดี้ยง : ปา ระเบิด (บูม บูม)
๓๐.
ปา อะไร ? โดนแล้ว ... สลบ : ปลาตีน (มีห้าหัว)
๓๑.
เกาะอะไร ? เห็นฉันวิ่ง : เกาะสิมิลัน ( See
me Run )
๓๒.
มดอะไร ? ใหญ่กว่ามด เอ็กซ์ : มด เอ็กซ์ แอล (XL)
๓๓.
ไก่อะไร ? เป็น ... ฆาตกร : ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง
(ตำรวจจับ)
๓๔.
เวลา ยืนมันห้อย เวลา เดินมันแกว่ง : แขน (คิดถึงอะไรกันเหรอ)
๓๕.
แถวคน ๒๐๐ คน ใครเป็นคนอีสาน : คนที่
๑๐๑ (ร้อยเอ็ด)
๓๖.
ปลาอะไร ? อยู่ในทะเล : ปลาอินทรีย์ (in sea)
๓๗.
มะม่วงอะไร ? กินไม่ได้ : มะม่วงมัน
(ของมันไม่ใช่ของตรู)
๓๘.
ขับรถ กทม.ถึงเชียงใหม่ มีกี่โค้ง ? : ๒ โค้ง
(โค้งซ้ายกับโค้งขวา)
๓๙.
ปลาอะไร ? อึไม่ออก : ปลาไส้ตัน (...!?!...)
๔๐.
จระเข้ เป็น หลานใคร ? : หลานจักรยาน (จักรยานตรา
(ตา) จระเข้)
พอแค่นี้นะครับ
กับ คำถามกวน ๆ (ชวนฉงน)
ยังมีอีกมากมายก่ายกอง
... ไว้เขียนมาให้อ่านกันใหม่ !!!
เรื่องเล่าจากวันวารตอน ถุงยางอนามัย
๑๐๐๐
ปี ก่อนคริสต์ศักราช ชาวอียิปต์ นำเอา ผ้าลินิน มาทำเป็น ถุง เพื่อใช้
ครอบอวัยวะเพศชาย ซึ่ง นักโบราณคดี ยังไม่สามารถหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์มายืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า
ถุงผ้าลินิน นี้ นำมาใช้เพื่อจุดประสงค์เดียวกับถุงยางอนามัยในปัจจุบันหรือเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา
ปี
ค.ศ. ๑๐๐ – ๒๐๐ มีหลักฐานยืนยันว่าได้เริ่มมีการใช้
ถุงยางอนามัย กันแล้วในประเทศแถบยุโรป โดยมีการค้นพบภาพเขียนผนังถ้ำที่ Cambarelles
ในประเทศฝรั่งเศส
ปี
ค.ศ. ๑๕๐๐ ประเทศอิตาลี มีผลงานวิจัยโดย Gabrielle Fallopius พบว่าการใช้ ถุงผ้าลินิน เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค
และต่อมาได้พบว่าใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ด้วย
ปี
ค.ศ. ๑๗๐๐ มีการพูดถึงที่มาของชื่อ Condom บางความเชื่อคิดว่ามาจากชื่อของ Dr.Condom ซึ่งผลิตถุงทิชชูใช้สำหรับสัตว์ถวาย พระเจ้าชาร์ล ที่ ๒ แห่งอังกฤษ หรือ บางความเชื่อที่ว่ามาจากชื่อ
Colonel Cundum ซึ่งมาจากภาษาลาติน และคำว่า Condom
แปลว่า ภาชนะที่รองรับ
ปี
ค.ศ. ๑๘๔๔ Goodyear
and Hancock เริ่มผลิตถุงยางอนามัยโดยทำจาก ยาง ที่มีส่วนผสมของกำมะถัน
เพื่อเพิ่ม ความแข็งแรง และ ความยืดหยุ่น
ปี
ค.ศ. ๑๘๖๑ ในหนังสือพิมพ์ The
New York Time ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการลงสื่อโฆษณาเกี่ยวกับถุงยางอนามัยเป็นครั้งแรก
และ ใน ปี ค.ศ. ๑๘๗๓ The
Comstock Law ได้ตรากฎหมายห้ามมิให้โฆษณาอุปกรณ์ในการคุมกำเนิดทุกชนิด
รวมทั้งอนุญาติให้ไปรษณีย์สามารถยึดถุงยางอนามัยที่จำหน่ายทางพัสดุได้
ปี
ค.ศ. ๑๘๘๐ เริ่มมีการผลิตถุงยางอนามัย แบบ
Latex
ขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ปี
ค.ศ. ๑๙๐๐ Social hygienists พยายามต่อสู้เพื่อยกเลิกข้อห้ามการใช้ถุงยางอนามัย
โดยเป็นผลจากการที่ทหารอเมริกา ที่ไปร่วมรบใน สงครามโลก ครั้งที่ ๑ มีการติดเชื้อจาก โรคทางเพศสัมพันธ์ ที่ค่อนข้างสูง
ในขณะที่ สงครามโลก ครั้งที่ ๒ ทหารอเมริกามากกว่า ๗๐ % ติด โรคทางเพศสัมพันธ์ เช่นกัน ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกา
จึงเริ่มรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยตั้งแต่นั้นมา และ ถุงยางอนามัย เริ่มมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
ใน ปี ค.ศ. ๑๙๓๐
ปี
ค.ศ. ๑๙๖๐ การปฏิวัติเรื่องการมีเพศสัมพันธ์
ทำให้ความนิยมในการใช้ถุงยางอนามัยลดน้อยลง
และพบว่าเยาวชนนิยมมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
ปี
ค.ศ. ๑๙๘๐ เกิดมีการระบาดของเชื้อ HIV หรือ เรียกกันว่า โรค AIDS ทำให้ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ เริ่มตระหนักในเรื่องของ
การป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ และเริ่มหันมานิยมใช้ถุงยางอนามัยอีกครั้งหนึ่ง
ปี
ค.ศ. ๑๙๙๐ ถุงยางอนามัย ถูกผลิตออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมากและมีหลายแบบให้เลือก
ทั้ง สีสัน ผิวเรียบ และผิวไม่เรียบ มีกลิ่นและรสผลไม้ รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลก ๆ มากขึ้น
วันนี้ ... มีแต่ เรื่องไร้สาระ !!!
โดยเฉพาะ คนเขียน ... พวกเพื่อน ๆ มันบอกว่า " ผมก็เป็นคนที่มี สาระ เหมือนกัน ... สาระ ... เลว !!!
จบครับ ... !!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น