ธรรมะติดจรวด กับ หลวงตาเฉื่อยตอน ๑
หมายเหตุ
– เรื่องเล่าต่อจากนี้ไป
ไม่มีตัวละคร
/ ไม่มีเรื่องราว / ไม่พาดพิงถึงใคร ? / ไม่ อะไร ? อะไร ? ทั้งสิ้น
และ
ผุ้เขียนจะไม่รับผิดชอบใด ๆ กับ เรื่องที่เขียน
ความผิดทั้งหมดยกให้
... “ หลวงตาเฉื่อย ” เจ้า อา ( ละ ) วาด
วัดสิ้นศรัทธาธรรม
ตำบลญาติระอา
ตอนสายวันหนึ่ง
... แดดร่ม ลมตก หลังฉันท์เพล !!!
บนศาลาการเปรียญ
วัดสิ้นศรัทธาธรรม ศาลาหลังเก่าโยงโย่ โยงหยก ( จะพังมิพังแหล่ )
หลวงตาเฉื่อย
คนขยัน ... เจ้าอา ( ละ)วาด วัดสิ้น ฯ นั่งล้อมวงสนทนาธรรมะ ธรรมโม โกโร โกโส
สังโฆ
สรณัง อยู่กับบรรดาญาติโยมและสีกา ชาวหมู่บ้านญาติระอา อย่างออกรส (
พระธรรม )
ในเรื่องที่ เป็น “ ปริศนาธรรมะ
” บอกใบ้ให้แง่คิด ( สะกิดใจ ) กับชีวิต
!!!
คุยกันอยู่นานกาเล
... จนตะวันบ่ายคล้อย
หลวงตาเฉื่อย คายชานหมากจืดชืดออกจากปาก บ้วนน้ำหมากสีแดงลง กระโถน เอ่ยปากขึ้นว่า
“
ดูกร คุณโยมและสีกา ทุภาษิตโบราณว่า เป็น หมา ให้ ยกขาขึ้นข้างหนึ่ง
... แล้วจึง เบา !!!
”
ขาดคำหลวงตาเฒ่า
... คนในวงสนทนาเงียบกริบ !!!
“
ส่วนคนไม่โง่เขลา ... ฉี่เบา ๆ อย่าออกแรง สังกาสี มันจะดัง รบกวนพระจะ ...
จำวัด !!! ”
เสียงเฮขึ้นมาในทันที ...
เสียงเฮจบ ตาแจ่ม สัปเหร่อ (
มือวางอันดับ ๑ ) ยกมือโบกไหว ๆ อวดภูมิว่าข้าแน่
“
หลวงตา โบราณทำไมถึงว่า ... นํ้าพึ่งเรือ
เสือ ( มัน ) ต้องพึ่งป่า ”
หลวงตาเฉื่อย
เขม้นมองมาทางสัปเหร่อนอกครู ตอบออกไปว่า
...
“
ไอ้แจ่ม เพราะ คนชรา ( อย่างเอ็ง ) ต้องพึ่ง ไม้เท้า แต่ถ้า สีกาที่เป็นโสด (
ยายพิง ) อยู่ ยาว
ยาว ... ท้ายแล้วต้องพึ่ง ... คาน
!!! น่ะซีวะ ” หลวงตาทอดสายตามองไปที่ท้ายกระบวน
..... แล้วหัวเราะ ฮึ ฮึ ปิดท้าย
ทุกสายตามองตาม
ท่านเจ้าอา ( ละ ) วาด ปักตรงไปที่ ยายพิง สาวโสด (ขึ้นคาน ) ประจำหมู่บ้าน
เห็นเป็นจุดสนใจอย่างนั้น
ยายพิง ( สาวโสด วัย ๔๐ กว่า ) ค้อนหลวงตาให้ ๑ วง ก่อนที่ค่อนขอด
ออกมาว่า
“
แหม ! ... หลวงตาก้อ สวรรค์น่ะ ( มัน ) อยู่ใน อก ส่วน นรก นั้น ( มัน ) อยู่ที่ ใจ ... ”
ไม่ทันจบคำ
ไอ้แก้ว ( เด็กวัดจอมกวน ) ที่แอบฟังอยู่ข้าง ๆ สอดคำขึ้นมา
“
แต่พอ ( ยายพิง ) ถอดเสื้อใน โอ้ววว !?! สวรรค์ ทำไม ? มัน ... ใหญ่จัง !!!
”
กระโถนน้ำหมากลอยมาหล่นโครมลงบนหัว
เด็กวัดตัวแสบ น้ำหมาก น้ำมูก น้ำลาย
ไหลย้อยเปรอะ
เปื้อนตัวเด็กปากเปราะที่พลิกพลิ้วหลบไม่ทัน
“ เป็นไง !!!
... ไอ้ตัวแสบ คราวนี้หลบไม่ทันซีมึง ... ไป ไป เดี๋ยวนี้ ไอ้ตัวเสือก เลอะเทอะไปหมด
แล้วมึง ไปล้างเนื้อตัว
แล้วเอากระโถนมาคืนกู ”
หลวงตาเฉื่อย
ออกปากไล่ เด็กวัดก้นกุฏิ ....ไอ้แก้ว
บ่นกระปอดกระแปดก่อนที่จะรีบคว้ากระโถนรีบคลานหนีไปในทันที
“ แหม !!! ...
ไอ้แก้วนี่ มันเหลือขอจริง ๆ เออ ... วันเกิดปีนี้ ได้ข่าวว่า สีกาพลอยจะ ปล่อยวัว
ปล่อยควาย หรือ ? ”
ท้ายคำพูด
ท่านมองไปยัง สีกาพลอย (
เจ้าของร้านโชห่วย ร้านเดียวในหมู่บ้านญาติระอา )
สีกาพลอย
ก้มตัวก้นโด่งกราบหลวงตา
“
เจ้าค่ะ ... หลวงตา ปีนี้ไม่ค่อยดี ... ทำบุญสะเดาะเคราะห์ ซะหน่อย ”
ก่อนที่จะหันไปมองหน้า
ไอ้แกว่น สามีขี้เมา
ที่นั่งซะเงาะซะแงะอยู่ข้างตัว พร้อมกับเหวี่ยงกำปั้น
ไม่มีรู
ประเคนลงไปที่บ้องหูของ
ขี้เมาประจำหมู่บ้านเสียงดังโครม ... !!!
ไอ้แกว่น ตาค้าง ร้องไม่ออก ... กลิ้งโคโร่ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้น
“
นี่ถ้า ตรู ปล่อยมึงไปได้อีกคน ตรู คงจะได้กุศลแรงกว่า ... ปล่อยวัว ปล่อยควาย !!! ”
พูดจบ
แม่ค้าหมัดหนัก ลุกพรวด ยกมือไหว้หลวงตาประหลกประหลก ก่อนสะบัดหน้าพรืด
เดิน
แกว่งสะโพกสุดเสียงสังข์ลงไปจากศาลา ปล่อยให้ ไอ้แกว่น นอนหงายเหยียดยาวอยู่ตรงนั้น
!!!
หลวงตาเฉื่อย
มองตามหลัง ตะโกนเสียงดังตามหลัง ...
“
สีกาพลอย ทำบุญเอาไว้ให้มาก ๆ นะ ... จะได้อยู่สบายใน ...ชาติหน้า ”
ยายเม้า ปากกระโถน กระซิบบอกตัวเองเบา ๆ ว่า
“
แต่ถ้า อีพลอย มันไป ทำ ทั้งนม ทั้งหน้า ละก้อ จะมีผลใน ... ชาตินี้ !!! ”
โยมผู้ชาย
๒ - ๓ คนตรงนั้น หามปีก ไอ้แกว่น กระร่องกระแร่ง ไปที่มุมศาลาการเปรียญ
หลวงตาเฉื่อย
ทรุดตัวลงนั่งที่เดิม หยิบหมากคำใหม่ใส่ปากเคี้ยว เป็นจังหวะเดียวกับที่ ไอ้แก้ว
เดินกลับขึ้นมาบนศาลาฯ นั่งลงข้างหลวงตา วางกระโถนลง ค่อย ๆ
กระดืบตัวหนีออกห่างจาก ...
หน้าแข้งหลวงตา
“
เออ ! ๆ ... ไปไกล ๆ ตีนกูหน่อย ”
ไอ้แก้วก้มหน้าแอบยิ้ม
เพราะมันรู้ว่า หลวงตาเฉื่อย เป็นพระใจดี แกก็ด่าของแกไปอย่างนั้น ...
สักครู่ก็ลืม
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากหน้าศาลา
ฯ
“
อาหลงตา หลงตา ... ยังอยู่มั๊ย ช่วยอั๊วด้วย ”
แป๊ะเง้ก
เจ้าของร้านกาแฟท้ายหมู่บ้านกระหืดหระหอบขึ้นมาบนศาลาการเปรียญ จะพังมิพังแหล่
(
จะย้ำไปทำไม ? ) เดินแหวกวงล้อมสนทนามานั่งตรงหน้า หลวงตาเฉื่อยระล่ำระลักถาม
“
อาหลงตา ลื้อเป็งพะ ช่วยอั๊วหน่อย !!! ”
หลวงตามองหน้าอาแป๊ะ
“
มีอะไร ? หรือ ... แป๊ะเง้ก !!!”
“
อั๊ว มีคำถาม ... มาถามกะหลงตา ... ลื้อช่วยตอบอั๊วหน่อยให้เข้าจาย ”
อาแป๊ะ
ลากเสียงยาวตอนท้าย !!!
“
คำถามอะไร ? ”
“
คำถามธัมมะ ... เมียบอกอั๊ว ... อั๊วไม่เข้าใจ เลยต้องมาถาม หลงตา ”
“
ถามว่าอะไร ? ล่ะ”
หลวงตาเฉื่อย
และหลาย ๆ คนรอบวงเริ่มสนใจ เพราะเรื่องของ “ ชาวบ้าน ”
มักจะน่าฟังมากกว่า
เรื่องของ “ ตัวเอง ” โดยเฉพาะเรื่องของ แป๊ะเง้ก
ที่มีเหตุบังเอิญ ( หรือจงใจ หาทราบไม่ ? ) ได้
แต่งงานอยู่กินกับ ลำไย
สาวสวยประจำหมู่บ้าน
(
อายุคราวลูก ) เป็นเมีย เมื่อวานนี้ !!!
“
อีลังไย ... มันเขียน จกหมาย วางทิ้งเอาไว้ที่หมอนอั๊ว ก่อนที่จาหนีปาย ”
แป๊ะเง้ก
ล้วงเศษกระดาษยับยู่ยี่ออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้หลวงตา
หลวงตาเฉื่อย
... คลี่กระดาษยับยู่ยี่นั้นออกมาอ่านข้อความ !!!
“
อีลังไย ... มังเขียงว่า อะไร ? อาหลงตา ” แป๊ะเง้ก คะยั้นคะยอถาม
หลวงตาเฉื่อย
ก้มหน้าอ่านข้อความในเศษกระดาษแผ่นนั้น อีกครั้ง !!!
“
มันเป็น คำพระ น่ะ อาแป๊ะ ไม่มีอะไร ? หรอกน่า ”
“
น่า ... อาหลงตา คำพะอาราย ... บอกอั๊วหน่อย ” ยังตื้อไม่เลิก
หลวงตาเฉื่อย
ถอนหายใจยาว !!! มองหน้า เถ้าแก่ร้านกาแฟ ครู่หนึ่ง !!!
“
อีลำไย มันบอกว่า ... กาเม มอระนัง ทุกขัง โลเก ... ”
“
แปลว่า ... อาราย ? ”
แป๊ะเง้ก
ยังคงถาม ...
เงียบ
!!!
ไม่มีคำตอบ ....
..............
จบตอน ๑
ปลงซะเถอะ
ปลงซะ ... แป๊ะเง้ก !!!
อีลำไย
มันว่า ... “ กาเม มอระนัง ทุกขัง
โลเก ”
แปลว่า “ กามตายด้าน เป็น ทุกข์ในโลก ”
เอวัง
ฯ ... ก็มีด้วยประการ ฉะนี้แล ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น