เพื่อนยา
เวลา ... เมา
เริ่มวันนี้
จะขอบ่นเป็น ... บ้าใบ้ บ่นกับใคร
? ก้อไม่รู้ ... ตรูไม่สน
แค่ตอนนี้ลดเรื่องราว
... สัปดน มานั่งพ่น
เรื่องบ้า บ้า “ หน้าไม่อาย ”
เพราะวันนี้
เพื่อนเกลอเก่า เล่ายี่ห้อ เคยบ้าบอ
ด้วยกันมา แต่หนหลัง !!!
นัดกันมา
นั่งดวด ... เพิ่มพลัง ที่
ร้านดังกลางกรุง ... ของเพื่อนยา
พอ
“ ขวดแรก ” จบลงไปเริ่มสนุก ทำให้ฉุกคิดถึง
เรื่องราว เมื่อกาลเก่า
เป็นเรื่องราวในสมัยเมื่อ
... วัยเยาว์ ใช่ ... แก่เฒ่า เหมือนวันนี้ หลายปีมา
กระดกเหล้า
เข้าปาก ... ความเศร้าหาย เรื่องมากมาย
ถั่งโถม ... กลับมาหา
ย้อนวันเก่า
... เล่า ความจริง ที่ผ่านมา ถึง เพื่อนยา เพื่อนที่รัก ... เวลาเมา
!!!
เพื่อนคนหนึ่ง
พูดพร่ำ ... ระกำจิต ใช่ไม่คิด พูดไป ... ตามประสา
ใช่
ปากมาก ... พูดไปไม่นำพา ใช่ปากหมา แค่ “ พูดมาก
... ตอนที่เมา ” !!!
ตอนไม่เมา
เป็น “ คนรักสนุก ” ไม่เป็นทุกข์ ... ร่าเริง
สนุกสนาน
เชื่อมั่นตัวเอง
เย่อหยิ่ง เป็นสันดาน คบไม่นาน ดูถูกคน ...
คนอะไร ?
แถมชอบ
มองคนอื่น ว่า ... โง่เง่า ด้อยกว่าเขา ... เลวสิ้นทุกสิ่งสรร
คนแบบนี้
ถ้า ... รักใคร่ชอบพอมัน อย่าได้หันหลังให้มัน ... เป็น แทงพรุน
!!!
คน
อีกคน เงียบงัน ... ระอาจิต มันแค่คิด ไม่พูด ... นั่งนิ่งเฉย
ราวกับมันไม่สนใจ
... อย่างที่เคย มันก็เลย แค่ “ เงียบขรึม ...
ตอนที่เมา ” !!!
ตอนไม่เมา
เป็น “ คนช่างคิด ” ไม่สนิทใคร ? หมกมุ่น ... ส่วนตัวสูง
ใจอ่อนแอ
ว้าเหว่ ... และขี้เหงา อยู่กับเรา ... เหมือนไม่ได้ ... อยู่กับเรา
มันซูบซีด
ซบเซา เหมือน ... เมายา อนิจจา นี่แหละหนอ ...
ไอ้เพื่อนตรู !!!
ส่วน
คนนี้ เพื่อนดี ... ชะตาขีด มันจะ
กรีดร้องไห้ ไป ... ทำไม ? หวา
แหกปากก้องร้องตะโกนเสียงอืออา นี่แหละหนา แค่ “ ร้องไห้
... ตอนที่เมา ” !!!
ตอนไม่เมา
เป็น “ คนใจอ่อนไหว ” เห็นอะไร
? ก็ ... สะเทือนใจ จริง ๆ หนา
ไม่แสดงออก
เก็บกด ... ทุกเวลา มีบางคราต้องการคนมา
... ช่วยปลอบใจ
จริง
จริง แล้ว ต้องการหาคน ... รักใคร่ ต้องการให้ ... คนอื่น
เขามองเห็น
ให้รู้ว่า
ตรูเป็นคน ... ใช่ ตัวเล็น ทำเหมือนเป็น ... ไม้หลักปักขี้เลน
!!!
แต่คนนั้น
นั่นหนา หมื่นทะลึ่ง ไม่ปั้นปึ่ง ดึงดัน ... ก่อปัญหา
ยิ้มยียวน
ยั่วอารมณ์ กวนบาทา เหม็นขี้หน้า แค่ “ ทะลึ่ง ... ตอนที่เมา ” ปกติไม่เมา
เป็น “ คนรักสนุก ” ไม่มีทุกข์
เศร้าเหงา ... คนเปิดเผย
เรื่องทางเพศ
ก็ถนัด ... ชะเอิงเอย ชอบละเลย
เรื่องผูกมัดเป็นครอบครัว
มีตัวตนเป็นบุคคล
... อิสระ ไม่ชอบจะ
อยู่ในกฎ กับใคร ? เขา รักก็ง่าย
เบื่อก็ง่าย นะ ... เพื่อนเรา เย็นวันเสาร์
ไม่เห็นเงา ... เหงาแทบตาย !!!
เพื่อนอีกคน
คนนี้ คนดี ... ไม่มีผิด แต่มาติด
ตรงที่มัน ... ชอบเปิดเผย
พอกินเหล้าเข้าไปหน่อยได้เรื่องเลย ข้านี้เหวย แค่ “ หน้าแดง
... ตอนที่เมา ” !!!
ใคร
? คนนี้ไม่เมา เป็น “ คนเปิดเผย ” ไม่ละเลย
ดูแลตัวเอง ... อยู่เสมอ เรื่องสุขภาพตัวข้าไม่เผลอเลอ แต่เพื่อนเกลอ
ชั่งหัวมัน ... ฉันไม่แคร์
เขาคนนี้
เอะอะ โวยวาย ชอบหาเรื่อง ชอบขุ่นเคือง
เปลืองอารมณ์ ... สร้างปัญหา
มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงทุกเวลา ซวยละหวา แค่ “
หาเรื่อง... ตอนที่เมา ” !!!
ตอนไม่เมา
เขาเป็น “ คนไร้ปัญหา ” โกรธขึ้นมา
ประเดี๋ยวเดียว ... ก็หาย
เป็น
คนตรง พูดตรง ...ไม่กลับกลาย จะชิ-หายไปเท่าไหร่
? ... ไม่นำพา
ใจกว้างขวาง
เพื่อนมาก ลากไปไหน ไม่ขัดใจตามไปทั่ว
... ทุกแห่งหน
แต่คำพูด
พูดออกมาช่างเหลือทน ปากพาจน
... เลยทุกทีซิ เพื่อนเรา !!!
ถึงตอนนี้
หมดเรื่องจริง ที่บอกเล่า “
เรื่องน่าเศร้า ” ผองเพื่อนเรา ที่กล่าวขาน
เก็บ
เรื่องเล่า ลงหีบ ... ปิดกระดาน ไม่ประจาน
... เพื่อนฝูงให้ อับอาย
แต่ก็มีอีก
หนึ่งคำถาม ? ... คนสงสัย ? ว่าคนไหน?
... เป็น คนเขียนเรื่อง ล่ะหวา !!!
จะไม่ตอบ
ไม่เฉลย ... เปล่งวาจา ให้อิจหนา
... เอือมระอาในจิตใจ !!!
ให้มันจบ
จบไปเสีย ... ณ. ที่นี้ จะได้มี
... คืนวัน แสนดี แสนสดใส
หมด
เรื่องบ่น เรื่องบ้า รำคาญใจ จำต้องไป
... ลาไปก่อน จบละกัน !!!
จบมันดื้อ
ๆ ตรงนี้แหละครับ ... “ ฤทธิ์สุรา ” มันพาไป น่ะครับ
ทุภาษิต
เขาบอกว่า ... อย่าไปถือ อะไร ? กับ ... คนบ้า
แล้วก็
อย่าไปด่าอะไร ? กับ ... คนเมา !!!
เรื่องเล่าจากวันวารตอน ผู้ดีแปดสาแหรก
สงสัยกันบ้างไหมครับว่า
... ทำไม ? คำว่า “ ผู้ดี ” ถึงได้มี คำว่า “ แปดสาแหรก ” ตามหลัง
ในเรื่องนี้
... นักวิชาการ ( ผู้รอบรู้ หรือ กูรู ) อธิบายไว้ว่า
“ ผู้ดี ”
คือ ผู้ดี ที่สืบทอดความเป็น “ ผู้ดี ” กันนับเนื่องสืบตำนานว่านเครือกันมาตั้งแต่
ต้นวงศ์สกุล คือ
สาย
๑ . พ่อ กับ แม่
ทางฝ่าย ปู่ และ ย่า รวมเป็น ๔ สาย
สาย
๒. พ่อ และ แม่ ทางฝ่าย ตา กับ ยาย รวมเป็น ๔ สาย
เมื่อรวมทั้ง
๒ สายเข้าด้วยกัน ๔ + ๔ เรียกว่า ผู้ดี ๘ สาย
ส่วนคำ
“ แปดสาแหรก ” ที่ตามมาในตอนท้ายนั้น
นักวิชาการ
( กูรูท่านเดิม ) บอกเอาไว้ว่า
"แปดสาแหรก"
คือ คำเรียกขาน ต้นวงศ์สกุล คือ
สกุล
๑. บิดา และ มารดา ฝ่าย ปู่ และย่า รวม ๔ สาย
สกุล
๒. บิดา กับ มารดา ฝ่าย ตา กับ ยาย รวม ๔ สาย
เมื่อรวม
“ ต้นวงศ์สกุล ผู้ดี ” ทั้ง ๒ สกุล เป็น ผู้ดี
๘ ต้นวงศ์สกุล
หรือ
... “ ผู้ดีแปดสาแหรก ”
แต่กับความหมายของคำว่า
“ ผู้ดีแปดสาแหรก ” ตามความเห็นของ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า
กาญจนาคพันธุ์
ชาตะ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ / มรณะ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ ) นักคิด
นักค้นคว้า
และนักเขียนสำคัญ แห่ง ยุครัตนโกสินทร์
ท่านว่า
" ผู้ดีแปดสาแหรก คือ ผู้ดี มีสกุลสูง นับทางบิดามารดาเป็น ผู้ดีมีสกุล
สืบสายขึ้น
ไปได้ “ ๘ ชั่วคนไม่ขาด ” เรียกว่า “ แปดสาแหรก "
คำว่า
" สาแหรก " หรือ " แสก " คือ เครื่องหาบ ที่ได้จากการสานหวาย เป็น ๔ สายสำหรับ
ใส่ภาชนะ
เช่น กระบุง กระจาด ตะกร้า หม้อ ไห ฯลฯ โดยมี ... ไม้คาน สำหรับสอดหูสาแหรก
๒ ข้าง หัว / ท้าย หาบไว้บนบ่า ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น