วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เรื่องเล่าจากวันวาร ตอน เครื่องเทศ



สัตว์เลี้ยง บอก นิสัยเจ้าของ !!!


ใคร ? ... เคยเลี้ยงสัตว์บ้างครับ !!!
แล้วรู้ไหมครับ ? ... “ สัตว์เลี้ยง ” สามารถบ่งบอกถึง “ นิสัยเจ้าของ ” ได้
เราลองมาดูกันดีกว่านะครับ

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

นก  ( BIRD ) ... !!!

“ เลี้ยงนก ”  ไม่ว่าจะเป็น นกแก้ว นกเขา นกพิราบ นกปรอท หรือนกอะไรก็ได้  ( ยกเว้น นก
กระจอก ) 
บอกได้เลยว่า“ คนเลี้ยงนก ”  เป็น “ คนรักอิสระ ”  ไม่ชอบที่จะผูกมัดใครและไม่
ชอบใครมาผูกมัด  เป็น คนคล่องแคล่ว ปราดเปรื่อง ไม่ชอบปักหลักอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ 
คล้าย ... คน “ ไฮเปอร์ ”  
นิสัย “ คนเลี้ยงนก ” เป็นคนที่ขี้อวดเหมือนเด็ก ไม่ค่อยผูกพันกับคนในครอบครัว จนบาง
ครั้งดูออกจะ “ น่าเบื่อ ”  หงุดหงิดง่าย เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง จู้จี้ขี้บ่น เวลา ไม่พอใจ
อะไร ? ก็จะแสดงออกมาอย่างเต็มที่
แต่ข้อดีคือ  “ คนเลี้ยงนก ”  มักที่จะเป็น ... คนจริงใจ !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

แมว ( CAT ) ... !!!

“ เลี้ยงแมว ”  เจ้าของ กับ สัตว์เลี้ยง นิสัยไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ? ( อาจจะเหมือนกันด้วยซ้ำ )
“ คนเลี้ยงแมว ”  เป็น “ คนรักอิสระ ”  ทำงานประณีต ใช้ของแบรนด์เนม ราคาแพง เป็นคน
ที่มักจะคิดถึงเรื่องของตัวเองก่อนเสมอ ...โดยไม่สนใจคนอื่น
นิสัย “ คนเลี้ยงแมว ”  หยิ่งยโสไม่ยอมใคร และขี้ระแวง ที่สำคัญเป็น คนมีความมั่นใจตัวเอง
สูง  และดูเหมือนจะใจร้าย
แต่ความจริง  คนเลี้ยงแมว   ก็เป็น “ แมวดี ๆ ”  ตัวหนึ่ง ... เท่านั้นเอง !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

กระต่าย ( RABBIT ) ...!!!

“ เลี้ยงกระต่าย ”  สัตว์เลี้ยงขี้ตกใจเหมือนกับ เจ้าของ มีไหวพริบปฏิภาณดี  ( เอาตัวรอดเก่ง )
“ คนเลี้ยงกระต่าย ”  ภายนอกดู อ่อนแอ แต่ภายในเป็น เข้มแข็ง แหลมคม มากด้วยเล่ห์กล 
เป็นคนละเอียดลออ ทำอะไรปราณีต พลิกแพลงไปเรื่อย
บุคลิก คนเลี้ยงกระต่าย  ทะมัดทะแมง คล่องแคล่ว  สุภาพ อ่อนโยน ไม่ชอบการปะทะ 
ใจกว้าง รักสวยรักงาม รสนิยมดี มีพรสวรรค์ทางศิลปะ โรแมนติก
“ คนเลี้ยงกระต่าย ” เข้าถึงคนอื่นได้ง่าย  จนทำให้ “ คนใกล้ตัว ” ... คาดไม่ถึงเลยทีเดียว !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

สุนัข ( DOG ) ... !!!

“ เลี้ยงสุนัข ”  คนจริงใจ และ รักเพื่อน  ( แมน ... ม๊าก มาก ) เท่านั้นยังไม่พอ ยังรักคุณธรรม 
ซื่อสัตย์สุจริต
“ คนเลี้ยงสุนัข ” เป็น “ คนเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ ” ไม่หนีปัญหา ตรงไปตรงมา และมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เด็ก สตรี คนชรา และคนพิการ ถึงขนาดเห็นไม่ได้ เป็น คันไม้คันมือ อยากเข้าไป
ช่วยเหลือ
แต่ข้อเสียของ คนเลี้ยงสุนัข คือ การพูดตรงไปตรงมาแบบ ขวานผ่าซาก ดูเหมือน “ ไม่ได้คิด
ก่อนพูด ” และไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร
เวลาที่ “ คนเลี้ยงสุนัข ” อารมณ์เสียจะเงียบ ไม่พูด เหมือน “ เด็กเก็บกด ” ที่อารมณ์แปรปรวน ... หงุดหงิดง่าย !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

ปลา ( FISH ) ... !!!

“ เลี้ยงปลา ” เหมือนว่าจะง่าย โตไว  แต่ถ้าไม่ “ รักจริง ” เป็นไม่รอด ( จอดไม่ต้องแจวทุกราย )
“ คนเลี้ยงปลา ” เป็น “ คนช่างฝัน ”  อ่อนไหว นิสัยเรื่อย ๆ ไม่ทะเยอทะยาน เป็นคนสุภาพเรียบ
ร้อย “  มองโลกในแง่ดี ” แต่ออกเพ้อฝันไปหน่อย เพราะชอบอยู่กับ ... ความฝัน
“ คนเลี้ยงปลา ” ไม่ยอมรับความเป็นจริง เป็นคนขี้อาย อารมณ์อ่อนไหวง่าย โกรธง่ายแต่ก็หาย
เร็ว เป็นคนติดดิน ดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจตัวเองสักเท่าไร
แต่เวลา โมโห ขึ้นมา “ คนเลี้ยงปลา ”  จะแสดงความก้าวร้าวออกมา จนยากจะเชื่อว่า เป็น ... 
“ คนเดียวกัน ” !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

หนู ( RAT ) ...!!!

“ เลี้ยงหนู ”  เพราะ คนเลี้ยง มองว่า หนูเป็น สัตว์ตัวเล็ก ๆ น่ารัก ดูแลง่าย ( หลายคนเมินหน้าหนี )
“ คนเลี้ยงหนู ” บุคลิกจะเหมือน หนู ( ไม่ใช่สกปรกนะ ) ที่ ฉลาดปราดเปรียว ไหวพริบดี ขยันขัน
แข็ง ร่าเริง มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้น รักความก้าวหน้า มีความระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
นิสัย “ คนเลี้ยงหนู ” ปรับตัวเก่ง และชอบเข้าสังคม บุคลิกเงียบขรึม และ รักอิสระ ตระหนี่ 
ชอบจัดระเบียบให้กับชีวิตมาก เกินไป
“ คนเลี้ยงหนู ” หาความสุข ที่แท้จริงไม่ได้ รู้จักผ่อนหนักให้เป็นเบาบ้าง .... “ ชีวิต ” อาจดีขึ้น !!!

ถูกใจ ... “ คนที่ชอบเลี้ยงสัตว์ ”  บ้างไหมครับ ?
อ่านจบแล้วลองมาเทียบนิสัย ... เจ้าของ กับ สัตว์เลี้ยง ดูซิครับ
ผมว่า ... นี่แหละครับ เสน่ห์ และ มนต์ขลัง ของ การเลี้ยงสัตว์ !!!

เรื่องเล่าจากวันวารตอน เครื่องเทศ


ขอบคุณภาพ : GOOGLE 

“ มนุษย์ ” รู้จัก ... “ เครื่องเทศ ” มานานนับกว่า ๓,๐๐๐ ปีก่อนพุทธศักราช  โดยมีบันทึกในบันทึกประวัติศาสตร์ว่าในสมัย  พระเจ้าบาบีลอน แห่ง อัสซีเรีย ได้ปลูก เครื่องเทศ ที่ให้ น้ำมัน
หอม\ระเหย ไว้ในอุทยานเป็นจำนวนมาก  และยังได้มีการบันทึกเอาไว้ใน กระดาษปาปิรุส ถึงการใช้เครื่องเทศต่างๆ อาทิเช่น หญ้าฝรั่ง เทียนข้าวเปลือก ลูกผักชี ยี่หร่า รวมไปจนถึงการทำมัมมี่ 
ของ ชาวอียิปต์โบราณ ที่ปรากฏว่ามีการใช้เครื่องเทศหลายชนิด เช่น อบเชย กานพลู ยี่หร่า ฯลฯ ใส่ลงไปในช่องท้องของศพเพื่อป้องกันไม่ให้ ... ศพเน่าเปื่อย !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

“ ตำราอาหารเล่มแรกของโลก ”  เขียนโดย อปีซีอุส (Apicius) ชาวโรมัน เมื่อ ๑,๕๐๐ ปีก่อนพุทธศักราชพบว่า มีการใช้ พริกไทย เป็นเครื่องปรุงสำคัญในทุกตำรับอาหารและ นำเอา เครื่องเทศ คลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์ป้องกันการเน่าเสีย และใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางมาตั้งแต่สมัย 
พระนางคลีโอพัตรา แห่ง ประเทศอียิปต์ !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

ในปี ค.ศ. ๖๕ ตำราเภสัชเล่มแรก Materia Medica กล่าวถึง การใช้เครื่องเทศว่า ประเทศ
อินเดีย ใช้น้ำมันหอมระเหย ของเครื่องเทศหลายชนิด เป็น ยารักษาโรคอหิวาตกโรค !!!
แหล่งที่มาของเครื่องเทศ !!! ในสมัยโบราณนั้น  มีเพียง ๒ แห่ง เท่านั้น คือ อินเดีย กับ หมู่เกาะโมลุกกะ โดย พริกไทย อบเชย และกระวาน มาจาก อินเดีย ส่วน อบเชย กานพลู ลูกจันทร์เทศ 
และ ดอกจันทน์ มาจาก หมู่เกาะโมลุโกะ

ชาวเกาะโมลุกกะ  เดินเรือค้าเครื่องเทศไปไกลถึง แอฟริการตะวันออก และ ใช้ เส้นทางขนส่ง
ทางทะเล นำ เครื่องเทศ เดินทางสู่ อาณาจักรโรมัน ใน เมดิเตอร์เรเนียน  ผ่านทาง ทะเลแดง 
หรือจาก อ่าวเปอร์เซีย สู่ อเล็กซานเดรีย และกรุงโรม
มีการใช้เส้นทางบก คือ เส้นทางสายไหม ขนส่งเครื่องเทศจาก อินโดนีเซีย ไปถึง จีน หรือ 
อินเดีย รวมไปกับ เครื่องเทศ และ สินค้าท้องถิ่น เป็น กองคาราวาน ภายใต้การกำกับดูแลของ 
พ่อค้าชาวอาหรับ !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

คริสต์ศตวรรษที่ ๗ ธุรกิจการค้าเครื่องเทศ ของ พ่อค้าชาวอาหรับ สะดุดลงในช่วง สงครามครู
เสด  (ค.ศ. ๑๐๙๒ – ๑๒๑๙ )  และเมื่อ สงครามครูเสด สงบลง กองทหารยุโรป ที่เข้าประจำ
การรบได้รู้จักกับเครื่องเทศ จาก พวกอาหรับ และได้นำเอาเครื่องเทศ  เข้าสู่ทวีปยุโรป 
ต่อมา เครื่องเทศ เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น จนกลายเป็น “ สิ่งที่ขาดไม่ได้ ” ในชีวิตของชาวยุโรป 
ทำให้มูลค่าของเครื่องเทศ ถีบตัวสูงขึ้นจนมี ราคาเทียบเท่ากับทองคำ เป็น สินค้าฟุ่มเฟือย 
ที่หรูหรา
ศูนย์กลางการค้าเครื่องเทศ คือ เมืองเวนิส และ คาบสมุทรอินเดีย ถือได้ว่าเป็น ดินแดน
การค้าเครื่องเทศที่สำคัญ ของ พ่อค้าชาวอาหรับ ที่นำเครื่องเทศไปขายต่อในยุโรป

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

ในปี ค.ศ. ๑๔๙๘ วาสโกดากามา ชาวโปรตุเกส เป็น คนแรกที่เดินทางข้ามแหลมกู๊ดโฮป 
แล้วข้าม มหาสมุทรอินเดีย ไป ถึงประเทศอินเดีย และนี่เองที่ทำให้ การผูกขาดเรื่องของเครื่อง
เทศ ของชาวอาหรับยุติลง และเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ที่เรียกว่า เส้นทางเครื่องเทศ โดย
เริ่มจาก เกาะเกา (Goa) ทางตอนใต้ของ อินเดีย ลังกา มะละกา และ หมู่เกาะโมลลุกกะ 
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น  หมู่เกาะเครื่องเทศ

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

และการค้นพบดินแดนใหม่ ของ โคลัมบัส ทำให้ได้ค้นพบเครื่องเทศที่สำคัญ ๒ ชนิด ชนิดแรก
คือ เครื่องเทศที่ผลแห้งของมันมีรสชาติคล้าย ลูกจันทน์ อบเชย และ กานพลู ผสมกันจึงรียกว่า  
“ ออลสไปซ์ (allspice) และเครื่องเทศอีกชนิดหนึ่งที่มีรสร้อนแรงที่สามารถแทนที่ พริกไทย 
ผลผลิตจากป่าดงดิบของเอเชียได้ นั่นก็คือ พริก  ซึ่งต่อมาเป็นเครื่องเทศที่ทั่วโลกรู้จักและ
หลงใหลในรสชาติ .... เผ็ดร้อน ของมัน !!!

แหล่งการค้าขายเครื่องเทศที่สำคัญ คือ กลุ่มประเทศในเอเชียเขตร้อน ที่ส่งออก เครื่องเทศ 
เป็นหลัก ในขณะที่ ความสำคัญของเครื่องเทศในชาติตะวันตก มิได้มีความสำคัญเป็นแค่ เครื่อง
ปรุงอาหาร เท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อแต่งกลิ่นขนม ขนมปัง และเค้ก เมื่อเป็นดังนั้น ทำให้ชนชาติตะ
วันตกที่เดินทางมาค้าขาย เครื่องเทศในดินแดนแถบนี้  ถือโอกาสยึดเอาดินแดนแห่งนี้ มาเป็น 
“ อาณานิคม ” เพื่อกอบโกยเอา ทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์  

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

ดังนั้น ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลายประเทศจึงตกเป็น อาณานิคม ของมหา
อำนาจทั้ง อังกฤษ / ฝรั่งเศส / สเปน โปรตุเกส และฮอลันดาโดยถ้วนหน้า ... 
( เว้น ประเทศไทย ที่เอาตัวรอดมาได้ แม้ว่าจะต้องเสียดินแดนไปบางส่วนให้ฝรั่งเศสและอังกฤษ 
ก็ตาม ) ... !!!

ไม่มีความคิดเห็น:

คนไม่มี ค. ว. และ ย.

คนไม่มี  ค. ว. และ ย.   หยุดคิดเสียก่อน ... ก่อนตัดสินใจ ผมดูท่าว่า ... มัน จะไปกันใหญ่แล้วนะครับ ... !!! กับ สารพัดเรื่องราวที่เ...