ฟังธรรมะแล้วจะดี !!!
คุณผู้อ่านครับ
...!!!
คำพระที่ท่านว่า
... " กัมมุนา วัตตติ โลโก " ( สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม )
เป็นความจริงแท้แน่นอนของชีวิตจริง
ๆ ครับ
เพราะในช่วงเวลาหนึ่งที่ผ่านมา
ที่ ... ผมปลีกวิเวก หลีกหนีหน้า “ สังคม ”
มันมีอะไร
? ... เปลี่ยนแปลง ไปแบบ “ ไม่น่าเชื่อ ” !!!
กับ
“ เพื่อน ” บางคน ... เพิ่งจะ รู้จักตัวเอง เอาเมื่อตอนแก่ว่า ...
เพศสภาพ
ที่แท้จริงของตัวเองนั้นเป็น ... “ กระเทย ” !!!
หรือ
“ เพื่อน ” อีกหลายคน ... เสเพลแมน !!! ที่เป็น คอสุรา
/ นารี ที่เคยใช้ชีวิตอย่าง ประมาท
มีอันต้อง
... “ ลาโลก ” !!! ไปก่อนเวลา
บางที
... คนที่เราคิดว่าเป็น คนดี กลับไม่ใช่ “ คนดี ” อย่างที่เห็น
หรือ เป็น “ คนเลว ”
อย่างที่เราคิดว่า เขาเป็น !!!
ก็อย่างที่ “ พระ ” ท่านบอกนั่นแหละครับว่า ... “ สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม ”
กรรม คือ ตัวกำหนด
ดังนั้น ฟัง ธรรมะ ... แล้วจะ ดี !!!
เพราะ ...
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ มีสติ ไม่น่าโง่
เเต่สีกาดันไปฟัง
... โปเตโต้ ก็เลยมี ... “ รักเเท้เเต่ก็ดูเเลไม่ได้
” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ... ทำให้ ชีวีไม่เพ้อเจ้อ
เเต่ถ้ามัวไปฟัง
... พีชเมกเกอร์ ... จะละเมอเพ้อถึงเเต่ “ เรื่องบนเตียง ”
!!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ไม่ทำให้ ใจเราต้องชอกช้ำ
เเต่ถ้าสีกาฟังเพลง
... ไอน้ำ จะชอกช้ำเพราะ “ รักคนมีเจ้าของ ”
!!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ ไม่เหงาหงอย
เเต่ถ้าชอบฟัง
... เสนาหอย ก็คงจะต้อง “ เเอบเหงาคนเดียว
” !!!
พระท่านว่า ... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ ตาสุกใสเเจ่ม
เเต่โยมฟังแค่เพลง ... บอดี้เเสลม ... จึงโทษว่า “ ความรักทำให้คนตาบอด ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ ไม่งมงายในความเชื่อเเละศรัทธา
เเต่ถ้าฟังเพลง
... ทาทา ก็จะพูดว่า “ ไอ บีลีฟ ๆ ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ รักกันแน่แท้ไม่เผลอเลอ
เเต่ถ้าไปฟัง
... ไฮเปอร์ ก็มักจะเจอ “ รักแท้ในคืนหลอกลวง ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ ใจไม่เน่าเสีย
เเต่ถ้าแอบไปฟัง
... นัท มีเรีย มักที่จะโทษกันว่า “ รักไม่ช่วยอะไร ” !!!
พระท่านว่า ... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ ปากติดดิสเบรก
เเต่ถ้าฟังเพลง ... เบิร์ด กะ เสก ... แม้จะ“ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ รักกันจนสิ้นชีวิน
เเต่ถ้ายังคงฟัง
... ดา เอนโดรฟิน เเล้วก็คงจะพูดว่า “ ถ้าเขามา ฉันจะไป ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ เรานี้ไม่คุยโม้
เเต่ถ้าชอบฟังเพลง
... โปเตโต้ จะถูกคนเขาค่อนว่า “ ปากดีนะเรา ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ เราเจอแต่คนดีเสมอ
เเต่ถ้าฟังเพลงของ
... ไฮเปอร์ ก็คงจะเจอ “ ผู้ร้ายคนใหม่ ” !!!
พระท่านว่า ... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ สาว สาว สาว ไม่เเรด
เเต่ถ้าพวกเธอไปฟัง ... บิ๊กเเอส มักจะเปลี่ยนไป “ เล่นของสูง ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ ต่อไปนี้เราเข้าใจกัน
เเต่ถ้าเผลอไปฟัง
... น้องพั้นซ์ บอกได้คำเดียวเลยว่า “ ยิ่งกว่าเสียใจ ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ เรารักกันยิ่งกว่าชีวิน
เเต่ถ้าจะฟัง
... ดา เอนโดรฟิน ก็จะเป็นได้เพียงเเค่ “ เพื่อนสนิท ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ ดีที่ใจใช่เพียงหน้าตา
เเต่ถ้าหากจะฟัง
... ปนัดดา ก็จะรู้แต่เพียงว่า “ ขอเป็นคนเลวที่รักเธอ ” !!!
พระท่านว่า
... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ สอบผ่านได้ทุกปี
เเต่ถ้ายังฟังแต่
... เเอน สุชาวดี ท้ายสุดแล้วมักจะ“
ติด ร. วิชาลืม ” !!!
พระท่านว่า ... ฟังธรรมะเเล้วจะดี ทำให้ คนไม่หยิ่งยะโส
เเต่ถ้าจะฟัง ... ติ๊ก ชีโร่ จะโอหังอลังการ์ว่า “ รักไม่ยอมเปลี่ยนเเปลง ” !!!
เฮ้อ
!!! ... ขึ้นต้นเรื่องเป็น “ ลำไม้ไผ่ ” ดูท่า น่าจะดี มีสาระ
แต่ลงท้ายทีไร
? เป็น ... “ บ้องกัญชา ” สาระไม่มี แทบจะทุกที !!!
เอวัง
... ก็มีด้วยประการฉะนี้แล ... !!!
เรื่องเล่าจากวันวาร
ตอน ครัวซองต์
ย้อนกลับไปยัง
ศตวรรษที่ ๑๗ ใน ยุคจักรวรรดิออตโตมาน ของ ชาวเติร์ก ปี คศ. ๑๖๘๓
ในช่วง
สงครามสันนิบาตศักดิ์สิทธิ์ ( โปแลนด์ / ออตโตมาน ครั้งที่ ๓ ) กองทัพออตโตมานมาก
กว่าหนึ่งแสนนายถูกยกไปปิดล้อม
เมืองเวียนนา
ทหารเติร์กปิดล้อมเมืองเวียนนาอยู่นานเป็นเวลาหลายเดือน
จน ชาวเวียนนา พากันสิ้นหวังที่
จะมีโอกาสรอดพ้นจากเงื้อมมือกองทัพข้าศึกได้
แต่หลังจากที่กองทัพออตโตมานเข้าตีเมือง
หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่อาจทำลายกำแพงเมืองอันแข็งแกร่งลงได้
ทหารเติร์กจึงดำเนินกลอุบาย
ขุดอุโมงค์ ลอดใต้กำแพงเมือง เพื่อเข้าโจมตีเมื่อ แต่ให้บังเอิญที่
ในเวลานั้น
คนทำขนมปัง ที่เข้าเวรทำขนมกะดึกได้ยินเสียงขุดอุโมงค์ของพวกทหารเติร์ก
เขาจึงได้แจ้งเตือนไปยัง กองทหารรักษาเมือง ซึ่งทหารได้ยกกำลังมาป้องกันไม่ให้ทหารเติร์ก
ขุดอุโมงค์เจาะผ่านกำแพงกรุงเวียนนาเข้ามา
และช่วยรักษาเมืองเอาไว้ได้
จนในที่สุด
กองทัพของกษัตริย์จอห์นที่ ๓ แห่งโปแลนด์
ได้ยกพลมาถึง และสามารถขับไล่กอง
ทัพออตโตมานออกไปได้
และจากชัยชนะในครั้งนั้นบรรดาคนทำขนมปังในเมืองเวียนนา จัดการเฉลิมฉลองด้วยการทำ
“ ขนมปังแบบใหม่ ” โดย พวกเขาอบแป้งขนมปัง เป็น
รูปพระจันทร์เสี้ยว เลียนแบบสัญลักษณ์
บน ธงชาวเติร์ก และเรียกขนมดังกล่าวว่า
คิปเฟล (Kipfel)
ซึ่งเป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า พระ
จันทร์เสี้ยว
ในปี
ค.ศ. ๑๗๗๐ หลังจากที่ เจ้าหญิงมารี อังตัวแนต ที่เป็น อาร์ชดัชเช หรือ
มกุฎราชกุมาร
แห่ง ราชสำนักออสเตรีย ได้สละสิทธิ์ในการเป็น
เจ้าหญิงรัชทายาท และเสด็จมาประเทศฝรั่งเศส
เพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ พระเจ้าหลุยส์ที่
๑๖
ความที่ไม่คุ้นเคยกับอาหารฝรั่งเศส
พระนางจึงให้คนครัวทำอาหารของชาวออสเตรียถวาย และ
แน่นอนว่าพ่อครัวชาวฝรั่งเศสได้ทำ
คิปเฟล ถวายแด่พระนางทุกวัน
และหลังจากนั้น
คิปเฟล ก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศฝรั่งเศส และเปลี่ยนชื่อมา
เป็น
“ ครัวซองต์ ” จนมาถึงในทุกวันนี้
เช่นเคยครับ ลงท้ายด้วย ครัวซองต์ นุ่ม ๆ กับ น้ำชาเออร์เกร์ย ร้อน ๆ
เล่นเอา ... เย็นนี้ จบลงด้วย ความสุขเล้ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า ...!!!รับ ... ขาร้อน ๆ สักถ้วยไหมครับ ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น