วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

เรื่องเล่าจากวันวาร ตอน คลายเครียด ใน ... เดือนเกิด



คลายเครียด ใน ... เดือนเกิด



วันนี้ ...
นอนตื่นสาย
เมื่อคืน “ เร่งงานหนัก ”  ไปสักนิด ( ก็เกือบตลอด ๒ อาทิตย์ที่ผ่านมา ) และ กว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ก็ปาเข้าไป ... ตี ๒ เกือบ ตี ๓ ( หย่อนไปไม่ถึง ๑๐ นาที )
วันนี้ ...
วันอาทิตย์ “ วันหยุด ” ( ส่งงานแล้ว ... สบายใจ ) ผมเลยถือโอกาสนี้ เถลไถลนอนเล่นคอมพ์เพลิน ๆ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า ไม่ได้ " อัพบล็อค " มานานแล้ว
แต่จะเขียนเรื่องอะไร ? ( นั่นนาซี !!! )
นึกขึ้นมาได้ว่า ... ใกล้ เดือนเกิด ของผมแล้วนะ ... ( เดือน ตุลาคม )
ถ้าอย่างนั้น ผมว่า ...
มาดูกันดีว่า ... เดือนเกิด ของแต่ละคนนั้น เครียดเรื่องอะไร ? กันบ้าง !!!
วันนี้ ... 
วันอาทิตย์ ๓๑ กันยายน อีก ๑ วันจะถึง ... เดือนตุลาคม


วัน คืน เลื่อน เดือนคล้อย ... หายลาลับ          จะไม่ย้อนกลับ วนมา ... ใหม่อีกหน
ทุกชีวิต แปรเปลี่ยนไป ... เวียนวกวน               โลกสับสน อลวน  ... เกือบครบปี
เดือน “ ตุลา ” เวียนบรรจบครบอีกที               ใกล้สิ้น ... ปี๖๑ อีกแล้วหนอ
นับจากนี้ไป ... “ ๓ เดือน” ไม่รีรอ                  คงจะพอ ... มีเวลา ขบคิด ทัน                              
“ ๑๒ เดือน ” เกลื่อนกล่น ... ให้แง่คิด           ทำชีวิตคนให้เปลี่ยนไปหลายสีสัน !!!
มี “ เรื่องเครียด ” มากมาย ... เกิดทุกวัน        มาดูกันแต่ละเดือน “ เครียด ” ... เรื่องไร ?

เริ่ม ต้นปี๖๒ คนเกิดเดือน ... มกรา  (คม )    ชีวิตชีวาเป็น “ จริงจัง ”  มากเหลือหลาย                   ชอบ สะสมความเครียด  ไว้มากมาย              ต้อง “ ผ่อนคลาย ” ให้เครียดหาย สบายดี
เวลาว่างควรจะต้อง ... ออกกำลังกาย             มีหลากหลาย กีฬา เลือกเล่นกัน ... !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

สำหรับ คนเกิดเดือน ... กุมภา ( พันธ์ )            ชีวิตหา “ เรื่องเครียด ” ได้ง่ายหลาย
เพราะมีเรื่องให้โกธรขึ้งได้ ... มากมาย              ไม่โวยวาย ... แต่ “ เก็บกด ”  ให้ขัดใจ
เป็นแบบนี้เห็นทีจะ ... ไม่เข้าท่า                       ใช่จะว่า ... “ อยู่คนเดียว ” สบายใจ !!!                

แต่กับ คนเกิดเดือน ... มีนา ( คม )                   น่าระอา “ คนอ่อนไหว ” ... ยากจะฝืน
ใต้กำมือ ใคร ? คนอื่น ... ทุกวันคืน                   สุดกล้ำกลืน เสียจริต ... “ เครียด ”  เป็นตัน
เล่น “ ดนตรี หรือ วาดภาพ ” ช่วยสุขสันต์      ช่วงสั้น สั้น ... แค่นี้ ก็ สุขสดชื่นใจ !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

หรือกับ คนเกิดเดือน ... เมษา ( ยน )                ที่มุ่งหา งานทำ สร้างชีวา ... พาสุขสันต์
แต่ คร่ำเคร่ง กับงาน ... ทำทุกวัน                      เครียดครอบงำ “ เมื่อยขบ ” กระดูกโปน
แค่ได้ลองออกแรงเล่น ... กีฬาที่ผาดโผน          เล่น “ เชือกโหน ... โรยตัว”  รั่วพอกัน  !!!          

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

รายต่อไป คนเกิดเดือน ... พฤษภา ( คม )         คนนี้หนา “ เครียดสะสม ” มีมากหลาย
ลอง เอาใจเขา ... ใส่ใจเรา ดีมากมาย                มิตรสหาย ... เข้ากันได้ ไม่ยากเย็น
แต่จะให้ “ หายเครียด ” ไม่ยากเข็ญ                เดินเที่ยวเล่น ดูของสวย เท่านั้นพอ !!!!                      

แล้วกับ คนเกิดเดือน ... มิถุนา ( ยน )                ชอบคบหา ผู้คน ... มิตรสหาย                                
มี “ เรื่องเครียด ” กลัดกลุ้มอีกมากหลาย          เครียดจะคลายหายได้ ... เพราะพูดจา
แต่ถ้าจะให้ “ แก้ไข ” ... หายกังขา                   ชวนเพื่อนมา ... ชอปปิ้ง นั่นแหละดี !!!              

คนที่เกิดเดือน ... กรกฎา ( คม )                        มีปัญหากับคน ... เรื่องมากหลาย
ต้องเหนื่อยล้าเดินทาง ... อีกมากมาย                 สุดเบื่อหน่าย “ เหนื่อยใจ ” ทุกวันคืน
คงต้องลอง “ ปลูกต้นไม้ ”  ใจสดชื่น                 ไม่ยอมตื่น ... หลับยาว น่าจะดี !!!                            

ขอบคุณภาพ : GOOGLE
  
กลับมาที่ คนเกิดเดือน ... สิงหา ( คม )               โชคชะตาลิขิต เกิดมา ... ไม่เคยพ่าย
ต้องไม่แพ้กับใคร ? ... ทุกอย่างไป                      อยู่ที่ไหน ? “ เครียด ” จะตาย อย่างที่เห็น
วิธีแก้ ...  กิน ดื่ม เที่ยว  ทุกเช้า / เย็น                 พ่ายไม่เป็น ... เมาหลับ ตับเป็นรา !!!                   

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

ใคร ? คนที่เกิดเดือน ... กันยา ( ยน )                  แสวงหา “ ความรัก ” ... ไม่สับสน
ได้เกิดมามีชีวิตแปลก ... พิกล                             เหมือนเป็นคน มากรัก ... พ้นประมาณ
ยิ่งรักมาก  เครียด ยิ่งน้อย ... ไม่รำคาญ               อยู่มานาน ยังเป็นสุข ...  ทุกข์ไม่มี !!!                 

ใคร ? คนนั้นคนเกิดเดือน ... ตุลา ( คม )              ทุกเวลา ... “ เคร่งเครียด ” เพราะ ความเหงา
แม้จะมี คนมากมาย ... ตามเป็นเงา                     ยิ่งโง่เขลา ... อยู่เดียวดาย เศร้าอกตรม
เพียงแค่ “ วุ่นวาย ” กับ เสื้อผ้า และ หน้า ผม       ก็คลายปม ... ปริศนา  มลายสูญ !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

สำหรับ คนเกิดเดือน ... พฤศจิกา ( ยน )              เกิดปัญหา โรคเครียด อยู่ ... บ่อยครั้ง
โดยเฉพาะเรื่อง “ ความรัก ” ต้องระวัง                 แต่หนหลัง ... เมื่อปางก่อนที่ผ่านมา
อ่าน “ นิยายรัก โรแมนติก ”  อาจรักษา             ช่วยเยียวยา ... หัวใจ ได้เหมือนกัน !!!

ปิดท้าย ปี๖๒ คนเกิดเดือน ... ธันวา ( คม )         ทนหนักหนา กับ ... ชีวิต อยู่เฉย เฉย
เพราะเป็นคน “ อยู่กับที่ ” ไม่เป็นเลย                   คนมันเคย ... ไปเที่ยว เฉี่ยวทั้งวัน
ดังนั้นควรจะ “ อ่านหนังสือ ” สาระพัน                 หลากสีสันให้ ... สมอง โล่งสบาย !!!

เวียนบรรจบครบรอบ ... ปี๖๒                              ควรจะลอง ... ขบคิด กันอีกหน                          
อีก “ ๓ เดือน ”  ข้างหน้า ... ไม่อับจน                  ไม่ “ สับสนกับชีวิต ” ... ไปอีกปี !!!    


วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

เรื่องเล่าจากวันวาร ตอน ธรรมะติดจรวด กับ หลวงตาเฉื่อย ตอน ๑



ธรรมะติดจรวด กับ หลวงตาเฉื่อยตอน ๑


ขอบคุณภาพ : GOOGLE

หมายเหตุ    เรื่องเล่าต่อจากนี้ไป
ไม่มีตัวละคร / ไม่มีเรื่องราว / ไม่พาดพิงถึงใคร ? / ไม่ อะไร ?  อะไร ? ทั้งสิ้น
และ ผุ้เขียนจะไม่รับผิดชอบใด ๆ กับ เรื่องที่เขียน
ความผิดทั้งหมดยกให้ ... “ หลวงตาเฉื่อย ”  เจ้า อา ( ละ ) วาด วัดสิ้นศรัทธาธรรม 
ตำบลญาติระอา

ตอนสายวันหนึ่ง ... แดดร่ม ลมตก หลังฉันท์เพล !!!
บนศาลาการเปรียญ วัดสิ้นศรัทธาธรรม ศาลาหลังเก่าโยงโย่ โยงหยก ( จะพังมิพังแหล่ )
หลวงตาเฉื่อย คนขยัน ... เจ้าอา ( ละ)วาด วัดสิ้น ฯ นั่งล้อมวงสนทนาธรรมะ ธรรมโม โกโร โกโส 
สังโฆ สรณัง อยู่กับบรรดาญาติโยมและสีกา ชาวหมู่บ้านญาติระอา อย่างออกรส ( พระธรรม )  
ในเรื่องที่ เป็น “ ปริศนาธรรมะ ”  บอกใบ้ให้แง่คิด ( สะกิดใจ ) กับชีวิต !!!

คุยกันอยู่นานกาเล ... จนตะวันบ่ายคล้อย
หลวงตาเฉื่อย คายชานหมากจืดชืดออกจากปาก บ้วนน้ำหมากสีแดงลง กระโถน เอ่ยปากขึ้นว่า
ดูกร คุณโยมและสีกา ทุภาษิตโบราณว่า เป็น หมา ให้ ยกขาขึ้นข้างหนึ่ง ... แล้วจึง เบา !!!
ขาดคำหลวงตาเฒ่า ... คนในวงสนทนาเงียบกริบ !!!
“ ส่วนคนไม่โง่เขลา ... ฉี่เบา ๆ อย่าออกแรง สังกาสี มันจะดัง รบกวนพระจะ ... จำวัด !!!
เสียงเฮขึ้นมาในทันที  ... 

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

เสียงเฮจบ ตาแจ่ม สัปเหร่อ ( มือวางอันดับ ๑ ) ยกมือโบกไหว ๆ อวดภูมิว่าข้าแน่
“ หลวงตา โบราณทำไมถึงว่า ...  นํ้าพึ่งเรือ เสือ ( มัน ) ต้องพึ่งป่า ”
 หลวงตาเฉื่อย  เขม้นมองมาทางสัปเหร่อนอกครู ตอบออกไปว่า ...
 ไอ้แจ่ม เพราะ คนชรา ( อย่างเอ็ง )  ต้องพึ่ง ไม้เท้า แต่ถ้า สีกาที่เป็นโสด ( ยายพิง ) อยู่ ยาว  
ยาว ...  ท้ายแล้วต้องพึ่ง ... คาน !!! น่ะซีวะ ”  หลวงตาทอดสายตามองไปที่ท้ายกระบวน 
..... แล้วหัวเราะ ฮึ ฮึ ปิดท้าย
ทุกสายตามองตาม ท่านเจ้าอา ( ละ ) วาด ปักตรงไปที่ ยายพิง สาวโสด (ขึ้นคาน ) ประจำหมู่บ้าน
เห็นเป็นจุดสนใจอย่างนั้น ยายพิง ( สาวโสด วัย ๔๐ กว่า ) ค้อนหลวงตาให้ ๑ วง ก่อนที่ค่อนขอด
ออกมาว่า
“ แหม ! ... หลวงตาก้อ  สวรรค์น่ะ ( มัน )  อยู่ใน อก  ส่วน นรก นั้น ( มัน ) อยู่ที่ ใจ ... ”
ไม่ทันจบคำ ไอ้แก้ว ( เด็กวัดจอมกวน ) ที่แอบฟังอยู่ข้าง ๆ สอดคำขึ้นมา 
แต่พอ ( ยายพิง )  ถอดเสื้อใน โอ้ววว !?! สวรรค์ ทำไม ? มัน ... ใหญ่จัง !!!
กระโถนน้ำหมากลอยมาหล่นโครมลงบนหัว เด็กวัดตัวแสบ น้ำหมาก น้ำมูก น้ำลาย ไหลย้อยเปรอะ
เปื้อนตัวเด็กปากเปราะที่พลิกพลิ้วหลบไม่ทัน
  เป็นไง !!! ... ไอ้ตัวแสบ คราวนี้หลบไม่ทันซีมึง ... ไป ไป เดี๋ยวนี้ ไอ้ตัวเสือก  เลอะเทอะไปหมด
แล้วมึง ไปล้างเนื้อตัว แล้วเอากระโถนมาคืนกู 
หลวงตาเฉื่อย ออกปากไล่ เด็กวัดก้นกุฏิ ....ไอ้แก้ว บ่นกระปอดกระแปดก่อนที่จะรีบคว้ากระโถนรีบคลานหนีไปในทันที
  แหม !!! ... ไอ้แก้วนี่ มันเหลือขอจริง ๆ เออ ... วันเกิดปีนี้ ได้ข่าวว่า สีกาพลอยจะ ปล่อยวัว ปล่อยควาย หรือ ? ”
ท้ายคำพูด ท่านมองไปยัง สีกาพลอย  ( เจ้าของร้านโชห่วย ร้านเดียวในหมู่บ้านญาติระอา )

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

สีกาพลอย ก้มตัวก้นโด่งกราบหลวงตา
“ เจ้าค่ะ ... หลวงตา ปีนี้ไม่ค่อยดี ... ทำบุญสะเดาะเคราะห์ ซะหน่อย ”
ก่อนที่จะหันไปมองหน้า ไอ้แกว่น  สามีขี้เมา ที่นั่งซะเงาะซะแงะอยู่ข้างตัว  พร้อมกับเหวี่ยงกำปั้น
ไม่มีรู ประเคนลงไปที่บ้องหูของ ขี้เมาประจำหมู่บ้านเสียงดังโครม ... !!!
ไอ้แกว่น ตาค้าง ร้องไม่ออก ... กลิ้งโคโร่ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้น
“ นี่ถ้า ตรู ปล่อยมึงไปได้อีกคน ตรู คงจะได้กุศลแรงกว่า ... ปล่อยวัว ปล่อยควาย !!!
พูดจบ แม่ค้าหมัดหนัก ลุกพรวด ยกมือไหว้หลวงตาประหลกประหลก ก่อนสะบัดหน้าพรืด เดิน
แกว่งสะโพกสุดเสียงสังข์ลงไปจากศาลา ปล่อยให้ ไอ้แกว่น นอนหงายเหยียดยาวอยู่ตรงนั้น !!!
หลวงตาเฉื่อย มองตามหลัง ตะโกนเสียงดังตามหลัง ...
“ สีกาพลอย ทำบุญเอาไว้ให้มาก ๆ นะ ... จะได้อยู่สบายใน ...ชาติหน้า ”
ยายเม้า  ปากกระโถน กระซิบบอกตัวเองเบา ๆ ว่า 
“ แต่ถ้า อีพลอย มันไป ทำ ทั้งนม ทั้งหน้า ละก้อ จะมีผลใน ... ชาตินี้ !!!

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

โยมผู้ชาย ๒ - ๓ คนตรงนั้น หามปีก ไอ้แกว่น กระร่องกระแร่ง ไปที่มุมศาลาการเปรียญ
หลวงตาเฉื่อย ทรุดตัวลงนั่งที่เดิม หยิบหมากคำใหม่ใส่ปากเคี้ยว เป็นจังหวะเดียวกับที่ ไอ้แก้ว 
เดินกลับขึ้นมาบนศาลาฯ นั่งลงข้างหลวงตา วางกระโถนลง ค่อย ๆ กระดืบตัวหนีออกห่างจาก ... 
หน้าแข้งหลวงตา
“ เออ ! ๆ ... ไปไกล ๆ ตีนกูหน่อย ”
ไอ้แก้วก้มหน้าแอบยิ้ม เพราะมันรู้ว่า หลวงตาเฉื่อย เป็นพระใจดี แกก็ด่าของแกไปอย่างนั้น ... 
สักครู่ก็ลืม
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากหน้าศาลา ฯ
“ อาหลงตา หลงตา ... ยังอยู่มั๊ย ช่วยอั๊วด้วย ”
แป๊ะเง้ก เจ้าของร้านกาแฟท้ายหมู่บ้านกระหืดหระหอบขึ้นมาบนศาลาการเปรียญ จะพังมิพังแหล่ 
( จะย้ำไปทำไม ? ) เดินแหวกวงล้อมสนทนามานั่งตรงหน้า หลวงตาเฉื่อยระล่ำระลักถาม
“ อาหลงตา ลื้อเป็งพะ ช่วยอั๊วหน่อย !!!
หลวงตามองหน้าอาแป๊ะ
“ มีอะไร ? หรือ ... แป๊ะเง้ก !!!
“ อั๊ว มีคำถาม ... มาถามกะหลงตา ... ลื้อช่วยตอบอั๊วหน่อยให้เข้าจาย ” 
อาแป๊ะ ลากเสียงยาวตอนท้าย !!!
“ คำถามอะไร ? ”
“ คำถามธัมมะ ... เมียบอกอั๊ว ... อั๊วไม่เข้าใจ เลยต้องมาถาม หลงตา ”
“ ถามว่าอะไร ? ล่ะ”
หลวงตาเฉื่อย และหลาย ๆ คนรอบวงเริ่มสนใจ เพราะเรื่องของ “ ชาวบ้าน ” มักจะน่าฟังมากกว่า
เรื่องของ “ ตัวเอง ” โดยเฉพาะเรื่องของ แป๊ะเง้ก ที่มีเหตุบังเอิญ ( หรือจงใจ หาทราบไม่ ? ) ได้
แต่งงานอยู่กินกับ ลำไย สาวสวยประจำหมู่บ้าน
( อายุคราวลูก ) เป็นเมีย เมื่อวานนี้ !!!
“ อีลังไย ... มันเขียน จกหมาย วางทิ้งเอาไว้ที่หมอนอั๊ว ก่อนที่จาหนีปาย ”
แป๊ะเง้ก ล้วงเศษกระดาษยับยู่ยี่ออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้หลวงตา
หลวงตาเฉื่อย ... คลี่กระดาษยับยู่ยี่นั้นออกมาอ่านข้อความ !!!
“ อีลังไย ... มังเขียงว่า อะไร ? อาหลงตา ”  แป๊ะเง้ก คะยั้นคะยอถาม

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

หลวงตาเฉื่อย ก้มหน้าอ่านข้อความในเศษกระดาษแผ่นนั้น อีกครั้ง !!!
“ มันเป็น คำพระ น่ะ อาแป๊ะ ไม่มีอะไร ? หรอกน่า ”
“ น่า ... อาหลงตา คำพะอาราย ... บอกอั๊วหน่อย ”  ยังตื้อไม่เลิก
หลวงตาเฉื่อย ถอนหายใจยาว !!! มองหน้า เถ้าแก่ร้านกาแฟ ครู่หนึ่ง !!!
“ อีลำไย มันบอกว่า ... กาเม  มอระนัง  ทุกขัง  โลเก ... ”
“ แปลว่า ... อาราย ? ”
แป๊ะเง้ก ยังคงถาม ...
เงียบ !!! ไม่มีคำตอบ ....
.............. จบตอน ๑

ขอบคุณภาพ : GOOGLE

ปลงซะเถอะ ปลงซะ  ...  แป๊ะเง้ก  !!!
อีลำไย มันว่า ... “ กาเม  มอระนัง  ทุกขัง  โลเก ”  
แปลว่า  “ กามตายด้าน เป็น ทุกข์ในโลก ”

เอวัง ฯ ... ก็มีด้วยประการ ฉะนี้แล ฯ

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561

เรื่งเล่าจากวันวาร ตอน ดาบ



ป.  อา.  ก. = ปาก


ขอขอบคุณภาพ : GOOGLE

คุณที่รักครับ ... ก็อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันนั่นแหละครับ
ว่า ปาก !!! ได้ชื่อว่าเป็น ... อวัยวะสำคัญ ... ของมนุษย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ ปาก ในการสร้าง ปฏิสัมพันธ์ ใน สังคม !!!
“ พูดดี เป็น ศรีแก่ปาก ... พูดชั่ว ปากมีสี ”
ผมเชื่อว่าคุณคงเคยได้ยิน ... คำพูดทำนองนี้ กันมาบ้างเช่นกัน !!!
สุภาษิตไทยโบราณ ... ที่พรรณนาถึงคำว่า “ ปาก ”  มีมากมาย
หลากหลาย ที่มา และ ความหมาย ... ยากจะจาระไนได้หมด
เราลองมาดูกันดีกว่า ...  ป. อา. ก. = ปาก
ใน สุภาษิตไทยโบราณ ... มีอะไรบ้าง ?

เรามาเริ่มเกริ่นกันที่คำแรก                             ใช่ว่าแปลกรู้กันมาแต่ ... หนหลัง
“ ปากเป็นเอก เลขเป็นโท ” ได้ยินฟัง           รู้หรือยัง ... คำพูดนั้นสำคัญกว่าการเรียน !!!
หากพูดไปไร้ประโยชน์ ... นิ่งเสียจะดีกว่า        เพราะว่า “ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ”
ป่วยการพูดให้ “ ปากเปียกปากแฉะ ”           จะชี้แนะ ไปเท่าไหร่ ? ... ไม่ได้ผล
พูดไปมาก พูดจนเบื่อ ... หนักกมล                  พูดเสียจน ... “ ปากฉีกถึงใบหู ”  ดูไม่งาม !!!
แต่ก็มีบางคนปากมัน ... อยู่ไม่สุข                    สร้างเรื่องทุกข์ ให้คนอื่น อยู่เสมอ
“ ปากตำแย ” พูดมากไปจังเลยเธอ               อย่าเผลอเลอ อาจโดนเหน็บเจ็บแทบตาย
กับอีกปาก ... พูดออกไปดูดีแต่คิดร้าย             อันตราย ... “ ปากปราศรัยใจเชือดคอ ” !!!
“ ปากคนยาวกว่าปากกา ” จริงไหม ? หนอ   ปากสอพลอบอกข่าว ... ไว เหลือหลาย
“ ปากปลาร้า ” พูดไปด่าไป ... คำหยาบคาย   เป็น “ ปลาหมอตายเพราะปาก ” รู้หรือยัง ?
ส่วนพวกที่ชอบเปิดเผยเรื่อง ... ความลับ          ควรจะนับว่า “ ปากโป้ง ” ... อย่างเหลือหลาย
แต่ “ ปากมาก ”  น่ารำคาญพูด ... มากมาย     ผลสุดท้าย นำภัยร้ายมาสู่ตัว ... ชั่วพริบตา !!!     
“ ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ” ... ยังเด็กนัก           อย่าริรัก ... ก่อนวัยเรียน ทีเดียวหนา
พูดมากไปก็อายปาก ญาติระอา                        “ รอดปากเหยี่ยวปากกา ” มาได้ ก็บุญ                    
ดีแต่พูด ทำไม่ได้ ... ใช่ดูถูก                            เรียนแต่ผูกไม่เรียนแก้ แย่ ... ชิ-หาย
“ ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก ” ยากจะตาย       ยังขวนขยายทำไป ... ทำไม ? กัน
ยากลำบาก ตรากตรำ ทำงานหนัก                    ทั้งปากกัด ตีนถีบ ... จนหัวหมุน                         
“ ตามใจปาก มากหนี้ ” ... ชุลมุน                  ไม่มีทุนไปต่อ ... ขอไปที !!!
โบราณว่า “ สิบปากว่าไม่เท่า ... ตาเห็น ”       หรือจะเป็น ความจริง ... แน่เทียวหรือ ?
เพราะใคร ใคร เขาพูด ไม่หืออือ                       ทำไขสือ แอบเมียงมอง ... เห็นของจริง !!!
ใคร ? บางคน  เขาพูดอย่าง ทำอีกอย่าง            เขานี้ช่างกลับกลอกหลอกเหลือหลาย
ทำ “ ปากว่าตาขยิบ ” ปิดแทบตาย                 จุดมุ่งหมายไม่มี ... หาไม่เจอ
อีกพวกหนึ่งก็ ... “ ปากว่ามือถึง ”                    คนทะลึ่ง ... พูดแล้วทำเวลาเผลอ !!!    
 “ ปากสว่าง ” เผยความลับของเพื่อนเกลอ       เป็นเสมอเพื่อนกัน ... มันเผาเรือน       
อีกคนชอบทำตัวเป็น ...  “ ผู้ร้ายปากแข็ง ”      ชอบตะแบง ดึง ดัน ดื้อเหลือแสน                      
“ น้ำท่วมปาก ” ไม่บอกไปแบบ แมน แมน         เพราะกลัวแฟนทิ้งไป ... เปลี่ยวอุรา !!!                       พวก “ ปากหนัก ” ไม่ค่อยพูด ... ไม่ปรึกษา      ไม่พูดจา คุยทักทาย สนุกสนาน
ทั้งพวก “ ปากหวานก้นเปรี้ยว ”  อีกตั้งบาน     ที่วาจาอ่อนหวาน แต่ไม่ ... จริงใจ !!!                  
และกับพวกชอบ นินทา ... คุยลับหลัง                ให้ระวัง “ ปากหอยปากปู ” แทงข้างหลัง
“ กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ” ไม่อินัง     รู้เรื่องจัง ... แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ความ
“ มือถือสาก ปากถือศีล ” ระวังให้จงหนัก        คนเอ่ยทัก มีศีลธรรม ดีหนักหนา
พอลับหลังไม่มีคน ... เห็นคาตา                         นี่ล่ะหวา ... คนชั่วช้า สันดานเลว !!!
ส่วนพวกที่เก็บ ความลับ ... ไว้ไม่อยู่                  ใครก็รู้ ... “ ฆ้องปากแตก ” แปลกไม่หาย
เรื่องแค่นี้เก็บไม่ได้นะ ... ไอ้ควาย                      สะดวกดาย แสนง่าย ... แค่กัดฟัน
ของง่าย ง่าย  “ ปอกกล้วยเข้าปาก ”  ฉัน        กินทุกวัน แสนจะดี ... ดีหนักหนา
 “ พร้างัดปากไม่ออก ”  กรอกลูกตา               ปวดอุราก็เพราะเหน็บให้เจ็บใจ !!!
โบราณว่า “ เล่นกับหมา หมาเลียปาก ”           ลดตัวมาก ... วางตัวไม่เหมาะสม         
จนบางทีเผลอไผล ... ถูกลูบคม                         สนิทสนมกับคนพาล ... บานบุรี
เปรียบเป็น “ หญ้าปากคอก ” ให้หมองศรี         ดูกี่ที กี่ที ก็ข้ามไป ... มองไม่เห็น !!!                          ถี่ลอดตาช้าง ห่างก็ต้อง ... ลอดตาเล็น               “ อ้าปากเห็นไรฟัน ”  ... รู้ทันกัน           
“ อ้อยเข้าปากช้าง ” มีหรือ ? จะได้คืน             อย่าไปฝืน ดึงดัน ... คืนกลับยาก !!!
“ อ้าปากเห็นลิ้นไก่ ” ... รู้เท่าทัน                     คำพูดมันพูดออกมา ... รู้ทันที
จบเสียทีกับเรื่องราว ... ที่สืบหา                         แล้วนำมาบอกต่อกัน ขมันขมี
เรื่องของ ปาก พูดชั่ว ... ไปบอกไม่ดี                  พูดจาดี ... เป็นศรีปาก ไม่ยากนาน !!!
                               
ขอขอบคุณภาพ : GOOGLE

ปิดฉาก กลอนพาไป แบบฉบับ คนบ้าเขียน ( กลอน ) 
หากได้ดี มีประโยชน์ ยกความดีนั้นให้ ... แผ่นดิน
แต่ถ้าไม่ดี ไม่มีสาระ ก็ ทิ้งมัน ไปซะ ... แค่นี้

เรื่องเล่าจากวันวาร
ตอน   ดาบ

ขอขอบคุณภาพ : GOOGLE

ยุคสำริด ( Bronze Age )
จากหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ว่า “ ดาบ ”  ถูกสร้างขึ้นในช่วง ๑,๖๐๐ ปีก่อนคริสต์
ศักราช !!!
ในช่วงปลายสหัสวรรษที่ ๓ ก่อนคริสต์ศักราช ในตะวันออกกลาง "ดาบ" ถูกพัฒนาจาก "กริช"  
ที่มี ใบมีดยาวกว่าเดิมโดย ในช่วงแรกทำจาก ... ทองแดง-สารหนู ต่อมา เปลี่ยนเป็น ... ดีบุก-ทองแดง
“ ดาบ ” เก่าแก่ที่สุดที่เคยค้นพบโดย นักโบราณคดี ขุดได้ที่ Arslantepe ประเทศ ตุรกี ซึ่งมี
อายุประมาณ ๓,๓๐๐ ปีก่อนคริสตกาล เป็นดาบที่ตีขึ้นจาก “ ทองสัมฤทธิ์ ”  มีความยาวมากกว่า 
๖๐ เซนติเมตร
ใบดาบ ... ในยุคแรก นั้นจะถูกตีขึ้นมาในลักษณะที่  เล็กและเรียว เพื่อ เน้นการแทงเป็นหลัก 
ต่อมามีการพัฒนา ใบดาบ ถูกตีขึ้นรูปให้กว้างขึ้น เป็นลักษณะ “ รูปทรงใบไม้ ” เพื่อประโยชน์
ในการ ... ฟันและแทง    
ก่อนสิ้น ยุคสำริด ... ดาบถูกแพร่กระจายไปทั่วทวีปยุโรป !!!

ขอขอบคุณภาพ : GOOGLE

ยุคเหล็ก ( Iron Age )
ในศตวรรษที่ ๑๓ ก่อนคริสตกาล มีกานำเอา เหล็ก  มาใช้เป็นวัสดุในการตีดาบ เพราะดาบที่ทำจากเหล็กจะมีคุณภาพดีกว่า และ ... โค้งงอได้ง่าย  
กองทัพอียิปต์ หันมาใช้ เกราะและอาวุธ ที่ทำจาก “ เหล็ก ”  มากขึ้น แม้ว่า กองทัพอียิปต์ จะมี
อาวุธที่เป็น “ ทองสัมฤทธิ์ ” มากมายก็ตาม โดย ใบดาบ ของกองทัพ จักรวรรดิ Parthian  และ จักรวรรดิ Sassanian  จะมี ใบดาบ ค่อนข้างยาว  ( แต่ไม่เกิน ๑๐๐ เซนติเมตร) !!!

ขอขอบคุณภาพ : GOOGLE

“ ดาบ ” นอกจากจะใช้เป็นอาวุธในการสู้รบ แล้ว ... ยังถูกนำมาใช้สำหรับการลงโทษ เช่น การตัด
แขน ตัดขาหรือแม้กระทั้งตัดศีรษะ
“ ดาบ ” ได้รับการยกย่องให้เป็น อาวุธสงคราม ที่มี เกียรติ และ ทรงคุณค่า เป็นอย่างสูง 
โดยเฉพาะใน ยุคโรมัน การใช้ดาบ นั้นจะถูกสงวนสิทธิไว้สำหรับ ... “ ชนชั้นสูง ”  เท่านั้น !!!

ขอขอบคุณภาพ : GOOGLE 

ยุคกลาง (Middle Ages)
ในช่วงสุดท้ายของยุคกลาง “ ดาบ ”  ถูกใช้เป็น ... อาวุธป้องกันตัวเอง มากกว่าการใช้ใน ... 
การสู้รบ
คุณค่าและความสำคัญ ของ “ ดาบ ” ถูกลดลงไปอย่างต่อเนื่อง และในช่วงต้นศตวรรษที่ ๑๙ 
“ ดาบ ”  เริ่ม ล้าสมัย และ ตกยุค ไปเนื่องจาก การพัฒนาของอาวุธสงครามชนิดใหม่นั่นคือ ... 
“ ปืน ” !!!

คนไม่มี ค. ว. และ ย.

คนไม่มี  ค. ว. และ ย.   หยุดคิดเสียก่อน ... ก่อนตัดสินใจ ผมดูท่าว่า ... มัน จะไปกันใหญ่แล้วนะครับ ... !!! กับ สารพัดเรื่องราวที่เ...